รุมทึ้งโมนิก้าและทีมงาน

*ตรรกะของการลงทุนในเที่ยวนี้ไม่มีอะไรมากมายต้องขบคิด เพราะมีการตั้งธงไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ต่างชาติยังจะขายหุ้นไทยต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ส่วนกองทุนจะหันมาเทรดสั้นๆ เพื่อความคล่องตัว ขณะที่ปอบผีฟ้าจะอาศัยจังหวะตีกินไปเรื่อยๆ ล้วนเป็นสถานการณ์ที่นักลงทุนรายย่อยรู้เป็นอย่างดี แต่ยังเดินหน้าเข้าซื้อหุ้นต่อไปอย่างไม่ลดละ มันเป็นการโดนรุมกินโต๊ะแบบเต็มใจนะเนี่ย


*ตรรกะของการลงทุนในเที่ยวนี้ไม่มีอะไรมากมายต้องขบคิด เพราะมีการตั้งธงไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ต่างชาติยังจะขายหุ้นไทยต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ส่วนกองทุนจะหันมาเทรดสั้นๆ เพื่อความคล่องตัว ขณะที่ปอบผีฟ้าจะอาศัยจังหวะตีกินไปเรื่อยๆ ล้วนเป็นสถานการณ์ที่นักลงทุนรายย่อยรู้เป็นอย่างดี แต่ยังเดินหน้าเข้าซื้อหุ้นต่อไปอย่างไม่ลดละ มันเป็นการโดนรุมกินโต๊ะแบบเต็มใจนะเนี่ย

*สถานการณ์ตรงนี้เหมือนกับคำพังเพย “น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ” เงินบนหน้าตักแมงเม่ามิอาจสู้เงินบนหน้าตักกองทุน ดัชนีถึงได้รูดลงอย่างต่อเนื่อง จากช่วงต้นปียืนอยู่ที่ 1,600 จุด ไปๆ มาๆ เทรดกันอีท่าไหนก็ไม่รู้ ดัชนีลงมากองอยู่แถว 1,400 จุด แถมวานนี้โดนสาดหุ้นออกมาตั้งแต่เช้าจรดเย็น ส่งผลให้ดัชนีอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,412.55 บาท ลบไป 25.53 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4 หมื่นล้านบาท เดี๊ยนชักใจคอไม่ค่อยดีแล้วนะคะ

*เนื่องจากการลงเที่ยวนี้เป็นการลงทุนแบบมีวอลุ่ม และตามตำราที่เล่าเรียนมาพูดเหมือนกันว่า หุ้นมีโอกาสลงต่อค่อนข้างสูง หรือถ้าดีขึ้นมาหน่อย อาจเด้งขึ้นก่อนไหลลงต่อ ซึ่งความน่าจะเป็นในเที่ยวนี้ คงค่อนไปอย่างหลังมากกว่า เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น หลังสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศแย่กว่าที่คิดไว้นะซี

*นาทีนี้ไม่ต้องถามถึงหุ้นกลุ่มเบญจภาคีชั้นนำให้เสียเวลา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นวานนี้เป็นการตอกย้ำว่า ขายทุกเม็ด และขายทุกราคา โอกาสที่หุ้นจะกลับขึ้นมายืนอยู่ที่เดิมเป็นเรื่องเพ้อฝันในทันที ขนาดหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ใครหลายคนฟันธงว่า ถูกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เอาเข้าจริงกลับมีราคาที่ถูกกว่า โดยเฉพาะในกลุ่มผู้นำอย่าง KBANK  SCB  BBL กลายเป็นหุ้นที่ไม่มีหูรูดไปเสียฉิบแบบนี้..อย่าเข้าไปยุ่งเป็นดีที่สุดเจ้าค่ะ

*อีกหนึ่งรายที่ “โมนิก้า” รู้สึก sad ไม่แพ้กันก็คือ SCC โดนเหมาหางเลขไปกับเขาด้วยแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นความเสี่ยงที่อยู่นอกเหนือการควบคุม และดูเหมือนว่า รอบนี้จะหนักหนาสาหัสกว่ารอบที่แล้ว ทิศทางของหุ้นในช่วง 3 เดือนหลังสุดถึงเป็นแบบ sideway down จากหุ้นที่เคยมีราคาค่างวดอยู่ที่ 550 บาท วันนี้เหลือค่าตัวแค่ 506 บาท แถมวานนี้ลงมาทำ low ที่ระดับ 498 บาทในรอบ 5 เดือน เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า มีสิทธิ์ได้เห็นราคาต่ำกว่านี้ในไม่ช้านะจะบอกให้

*ขนาดยักษ์ใหญ่วงการก่อสร้าง ITD ซึ่งเป็นแหล่งรวมขาใหญ่ นักลงทุนสถาบัน ยังเอาตัวไม่รอด “โมนิก้า” ถือเป็นตัวอย่างที่นักเล่นต้องหัดทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพื่อจะได้กำหนดท่าทีของการเข้าซื้อจะเป็นแบบ “ทยอยสะสม” หรือ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” หลังโดนทิ้งจนลงมากองอยู่ที่  7.10 บาท ลบไป 0.45 บาท หรือลงไป 6% ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับจุดเด้งกลับ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ที่บริเวณ 7 บาทไงล่ะค่ะ

*สำหรับในรายของ AJD ก็สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับเหล่านักเล่นพอสมควร เมื่อจู่ๆ หุ้นเด้งสวนภาวะตลาดขาลงมาปิดที่ 0.97 บาท บวกไป 0.13 บาท หรือขึ้นไป 15.50% ด้วยมูลค่า 170 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งช็อตที่นักเล่นสั้นต้องเกาะกระแสให้ทันตลอดเวลา เพราะในช่วงหลังมักเห็นมีแรงซื้อเข้ามาดันหุ้นขึ้นมายืนเหนือ 1 บาทเป็นประจำ จึงต้องสอดส่ายสายตาดูกันต่อไปอีกระยะหนึ่งนะจ๊ะ

*ส่วนรายที่แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง “โมนิก้า” กลับพุ่งเป้าไปที่หุ้นขยะ GENCO ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกคนมองว่าเป็น หุ้นดาวรุ่งพุ่งแรงประจำปี พอเวลาทอดยาวไปเรื่อยๆ แผนงานต่างๆ ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม บวกกับขาใหญ่เริ่มสละเรือ ทีละราย.. สองราย หุ้นถึงได้ดิ่งเหวอย่างที่เห็นกันนี่แหละ จากช่วงต้นปีอยู่ที่ 7 บาท วันนี้เหลือมูลค่าแค่ 2.06 บาท บวกกับไตรมาส 1 ขาดทุนไป 6 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2 ยังลูกผีลูกคน งานนี้เหนื่อยแน่ๆ เจ้าค่ะ

*ตัวอย่างที่ชัดเจนสุดในเรื่องข้างต้นคือ DAII ของมันเห็นกันอย่างชัดแจ้งแดงแจ๋ว่า หุ้นขึ้นมาเที่ยวนี้เกิดจากกำลังภายใน ไม่ได้เกิดจากแรงขับเคลื่อนภายนอก บวกกับวันแรกที่เข้าเทรดโชว์พลังโอเว่อร์เกินไปหน่อย สุดท้ายเลยมีจุดจบไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่..ก่อนหน้านี้หนึ่งวันรูดลงไป 28% ขณะที่วานนี้รูดลงไปอีก 21% หรือลงไป 1.80 บาท พร้อมกับลงมาปิดที่ 6.80 บาท  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.40 พันล้านบาท เล่นกันไปทั้งหมด 5 รอบแบบนี้..แมงเม่าตายเป็นเบือแน่นอนเจ้าค่ะ

*สำหรับในรายของคาสโนวาฆ่าไม่ตายอย่าง ASIMAR ก็เป็นอีกหนึ่งช็อตเด็ดที่ต้องตามดูกันต่อไปเรื่อยๆ เพราะข่าวจริงที่ปรากฏเป็นหลักฐานยืนยันชัดเจนยังไม่เกิดขึ้น ความคลุมเครือของเรื่องราวต่างๆ  ถึงยังดำเนินต่อไป ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้นักเสี่ยงโชคเข้ามาเล่นกันอย่างเมามัน วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.30 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 4.40% ทั้งที่ในระหว่างวันร่วงลงไปแตะ 2.88 บาท..มันคืออะไร ไปหาคำตอบกันเอาเองนะค่ะ

            

Back to top button