กลับสู่จุดสมดุลโมนิก้าและทีมงาน

*ตลาดหุ้นไทยทำท่าเหมือนจะไปได้ไกลทีไร สุดท้ายมักเกิดอาการแป้กให้เห็นเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงรู้สึกเสียเซลฟ์อย่างรุนแรง พร้อมกับต้องนั่งทอดหายใจอย่างรวยริน ประหนึ่งเหมือนกำลังจะหมดสิ้นแล้วทุกอย่าง แต่พอเอาเข้าจริงๆ มักมีเรื่องดีๆ สอดแทรกเข้ามาเป็นประจำ อารมณ์ที่เคยซึมเศร้าเหงาหงอย เพราะคนของทางการทำอะไรไม่เข้าท่า ถึงหายเป็นปลิดทิ้งไงล่ะค่ะ


*ตลาดหุ้นไทยทำท่าเหมือนจะไปได้ไกลทีไร สุดท้ายมักเกิดอาการแป้กให้เห็นเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงรู้สึกเสียเซลฟ์อย่างรุนแรง พร้อมกับต้องนั่งทอดหายใจอย่างรวยริน ประหนึ่งเหมือนกำลังจะหมดสิ้นแล้วทุกอย่าง แต่พอเอาเข้าจริงๆ มักมีเรื่องดีๆ สอดแทรกเข้ามาเป็นประจำ อารมณ์ที่เคยซึมเศร้าเหงาหงอย เพราะคนของทางการทำอะไรไม่เข้าท่า ถึงหายเป็นปลิดทิ้งไงล่ะค่ะ

*งานนี้ไม่ต้องประเมินอะไรให้สลับซับซ้อน เพราะสิ่งที่ทุกคนเห็นในยามนี้คือ อาการกวัดแกว่งไปมาของดัชนียังมีให้เห็นเป็นระยะ แถมยังเป็นการโยกกลุ่มเล่นกันไปเรื่อยๆ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ดัชนีทำได้ดีสุดแค่การปิดที่ 1,392.15 จุด ลบไป 1.51 จุด ด้วยมูลค่า 5.27 หมื่นล้านบาท มันเป็นการย้ำหัวหมุดตัวเดิมว่า ดัชนีควรขึ้นไปยืนปิดเหนือ 1,400 จุด เพื่อสอดรับกับปัจจัยพื้นฐานที่เป็นอยู่นะคะ

*เนื่องจากตัวเลขสำคัญที่กูรูสำนักต่างๆ คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็คือ ค่า Forward P/E อยู่ที่ระดับ 15 เท่า ซึ่งเป็นจุดที่นักลงทุนทุกกลุ่มลงทุนได้สบายๆ เพียงแต่การเล่นเที่ยวนี้จะเป็นการ “เล่นรอบ” “เล่นสั้น” หรือ “เล่นยาว” ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการเล่นของคนแต่ละกลุ่ม วันนี้ถึงต้องถามใจตัวเองว่า จุดเหมาะสมสำหรับตลาดหุ้นไทยอยู่ตรงไหน? ระหว่าง 1,400 จุด หรือ 1,450 จุด หรือว่า 1,600 จุด ก็ว่ากันไปตามสะดวกเจ้าค่ะ

*ที่แน่ๆ คือ เวทีวันนี้ยังเป็นของหุ้นกลุ่มบลูชิพเหมือนเดิม และพระเอกที่เป็นตัวเดินเรื่องในเที่ยวนี้ย้ายไปอยู่ที่หุ้นกลุ่มสื่อสาร หลังผู้มีอำนาจออกมายืนยัน นั่งยัน และนอนยัน การประมูล 4G ยังเป็นไปตามแผนที่ได้ประกาศไว้ และเจ้าพ่อที่ประกาศตัวเป็นผู้นำด้านนี้อย่าง TRUE จึงกระชากขึ้นมาปิดที่ 9.95 บาท บวกไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.35 พันล้านบาท จึงมองเป้าแรกที่ 10.50 บาทได้สบายๆต่อจากนั้นมีลุ้นขึ้นไปหาฐานเก่า 11 บาทนะจะบอกให้

*อีกตัวที่ตามติดมาด้วยวอลุ่มที่หนาแน่นเช่นกันก็คือ ADVANC ก่อนหน้านี้โดนถล่มทิ้งออกมาอย่างหนักหน่วง เพราะเกิดข้อพิพาทกับหน่วยงานภาครัฐ TOT จึงกังวลว่า งานนี้อาจจบไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่? พอทุกอย่างมีการอธิบายเป็นขั้นเป็นตอน และทุกคนพอคาดเดาเหตุการณ์ในอนาคตได้ แรงซื้อจึงไหลกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่233 บาท บวกไป 7 บาท แมงลือเลยเกิดความมั่นใจว่า 240 บาทได้สบายๆ นะตัวเอง

*เช่นเดียวกับในรายของ DTAC ประคองตัวจนปิดเสมอตัวที่ระดับ 56.75 บาท ด้วยมูลค่า 880 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งช็อตที่น่าตามไปเล่นจริงๆ เพราะถ้ามองในแง่ของค่า P/E ที่ 16 เท่า  บวกกับก่อนหน้านี้ประมาณ 1-2 เดือนเคาะกันไปมาที่ระดับ 70 บาท เดี๊ยนถือเป็นจังหวะที่เอื้อให้กับคนที่มีเงินเย็นทยอยเก็บของเข้าไปพอร์ต มองจากมุมไหน ด้านไหน หุ้นก็ควรขึ้นไปได้อีกนะคะ

*ส่วนหุ้นน้องใหม่รายล่าสุดอย่าง TFG อาจทำให้นักล่าหุ้นจองผิดหวังไปตามกันก็จริง แต่อย่าลืมว่า ในระหว่างวันก็พยายามยกตัวสูงขึ้นตลอดเวลา มันเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้เห็นว่า เจ้ามือก็พยายามงัดหุ้นให้กลับมา! วันนี้จึงไม่ต้องไปโทษใครให้เสียเวลา เพราะแค่รู้ว่า หุ้นไซส์ใหญ่ๆ มักถูกสาดทิ้งเป็นประจำ จึงโชคดีมากๆ ที่วานนี้หุ้นลงมาปิดแค่ระดับ 1.91 บาท ลบไป 0.04 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่า 2.40 พันล้านบาท ส่วนสถานการณ์ในวันนี้ อาจไม่เป็นเหมือนกับวานนี้ก็ได้ จึงต้องระวังตัวให้ดีเจ้าค่ะ

*เนื่องจากมีข้อสรุปเบื้องต้นที่ชี้ให้เห็นแล้วว่า หุ้นขนาดใหญ่ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด ORI ภายใต้การประคบประหงมของ บล.กสิกรไทย ถึงมีอาการเมาหมัดต่อไปอีกหนึ่งวัน และดูเหมือนวานนี้จะมีอาการแย่สุดๆ หุ้นถึงรูดลงมาปิดที่ 7.70 บาท ลบไป 1.20 บาท หรือลงไป 13.50% ด้วยมูลค่า 600 ล้านบาท “โมนิก้า” บอกได้คำเดียวว่า ใครขายหุ้นไปตั้งแต่วันแรกที่เข้าซื้อขายรอดตัว ใครที่เพิ่งเข้ามารับ สงสัยจะติดหุ้นยาว..ววว พะยะค่ะ

*เช่นเดียวกับอีกหนึ่งผลงานชิ้นโบว์ดำของค่ายสีเขียว JWD ตอนแรกมีการวาดภาพใหญ่โตมโหฬาร หุ้นตัวนี้ไม่ธรรมดา พอเข้ามาเทรดจริงๆ ก็ทำได้แค่แรงเฉพาะวันเข้าเทรดวันเดียว ซึ่งวันนั้นพุ่งขึ้นไปปิดราคาสูงสุดของวันที่ 15.90 บาท จากราคาเคาะ IPO  ที่ 11 บาท มันเป็นภาพที่ทำให้เหล่านักเล่นรู้สึกฮึกเหิมอย่าบอกใครเชียว! พอวันถัดมาราคาหุ้นดันรูดลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับแกว่งตัวออกด้านข้าง จนวานนี้หุ้นยืนอยู่ที่ 13.60 บาท ลบไป 0.20 บาท มันเป็นจังหวะที่ต้องถอยลูกเดียว เพราะกองทุนสาดหุ้นออกมาหนักเหลือเกิน หุ้นขึ้นไม่ไหวแน่ๆ เจ้าค่ะ

*ผิดกับในรายของหุ้นสุดรักอย่าง EA มองสั้น มองยาว หรือมองมุมไหนก็ตาม ก็เป็นหุ้นที่มีจุดขายเรื่องกำไรโตก้าวกระโดด “โมนิก้า” ถึงพยายามแนะนำให้เก็บเข้าพอร์ตในช่วงที่หุ้นย่อตัวลงมาหนักๆ เพราะของมันเห็นกันอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า แวลูของหุ้นปีนี้อยู่ที่ 27 บาท ขณะที่วานนี้หุ้นปิดที่ 23.70 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 5.30% ด้วยมูลค่า 500 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ยังเล่นต่อได้สบายๆ ไม่เชื่อลองถาม “น้องอมร” ดูก็ได้นะจ๊ะ

*ป.ล.ยังไม่ทันไร กองทุนเจ้าเล่ห์ก็เริ่มออกลายด้วยการเทขายหุ้น 1.60 พันล้านบาท ขณะที่ฝรั่งตาน้ำข้าวกับปอบผีฟ้าช่วยกันประคองดัชนี เหมือนเป็นการย้ำว่า ตลาดหุ้นต้องหาจุดศูนย์ถ่วงอีกพักใหญ่ๆ ก่อนจะวิ่งขึ้นแรงในช่วงปลายปีนะคะ

Back to top button