ย่ำฐานโมนิก้าและทีมงาน

*เมื่อดัชนีเริ่มออกอาการไปต่อไม่ไหว แรงเทขายเริ่มหนาแน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “โมนิก้า” ก็รู้ได้ทันทีว่า ดัชนีกำลังอยู่ในช่วงของการย่ำฐาน เพื่อหาฐานแนวรับที่มั่นคง ซึ่งมีเส้นแนวรับ 10 วัน บริเวณ 1,430 จุดเป็นที่รับของจุดแรก ถัดมาเป็นเส้นแนวรับ 25 วันบริเวณ 1,425 จุดเป็นที่รับของจุดที่สอง ส่วนแนวรับสำคัญตรงเส้น 75 วันอยู่ที่บริเวณ 1,406 จุดเป็นแนวเด้งกลับสำคัญนะจะบอกให้


*เมื่อดัชนีเริ่มออกอาการไปต่อไม่ไหว แรงเทขายเริ่มหนาแน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “โมนิก้า” ก็รู้ได้ทันทีว่า ดัชนีกำลังอยู่ในช่วงของการย่ำฐาน เพื่อหาฐานแนวรับที่มั่นคง ซึ่งมีเส้นแนวรับ 10 วัน บริเวณ 1,430 จุดเป็นที่รับของจุดแรก ถัดมาเป็นเส้นแนวรับ 25 วันบริเวณ 1,425 จุดเป็นที่รับของจุดที่สอง ส่วนแนวรับสำคัญตรงเส้น 75 วันอยู่ที่บริเวณ 1,406 จุดเป็นแนวเด้งกลับสำคัญนะจะบอกให้

*สาเหตุที่ต้องเอื้อนเอ่ยถึงข้อมูลในส่วนนี้มากเป็นพิเศษนั้น “โมนิก้า” ขอบอกในทันทีว่า ต้องการให้นักเล่นกำหนดจังหวะการลงทุนให้ถูกต้อง เพราะสิ่งที่เห็นในเที่ยวนี้มันเป็นผลมาจากน้ำมือของกองทุนตัวแสบ ไม่ได้มีอะไรมากกว่าเดิมเลยสักอย่าง จึงต้องติดตามดูกันต่อไปว่า ดัชนีจะยืนหยัดเหนือระดับดังกล่าวได้อย่างแข็งแกร่งขนาดไหน? หลังดัชนีพยายามสู้สุดชีวิต จนลงเอยที่ระดับ 1,444.99  จุด บวกไป 2.33 จุด ด้วยมูลค่า 5.98 หมื่นล้านบาท มันทำให้ข้อมูลทางสถิติชี้ชัดตรงกันว่า ต้องดูวันต่อวันเจ้าค่ะ

*สถานการณ์ตรงนี้ทำให้มีความเป็นกังวลหนักขึ้น เพราะรูปแบบการเคลื่อนตัวในรอบนี้ มีลักษณะคล้ายคลึงกับก่อนหน้านี้ ซึ่งตอนนั้นดัชนีขึ้นมาแตะระดับ 1,450 จุดปุ๊บ ก็เกิดแท่งเทียนสีแดงตามหลังปั๊บ ต่อจากนั้นหุ้นก็ไหลลงมาเรื่อยๆ จนมาเด้งกลับตอนที่ลงมาแตะ 1,410 จุด “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับติดตามดูกันเอาเองว่า เรื่องนี้จะเป็นเหมือนเรื่องที่แล้วไหมเอ่ย?

*คิดดูแล้วกัน! ขนาดหุ้นแบงก์ที่ได้รับความนิยมอย่างดาษดื่นก่อนหน้านี้ พอถึงวันที่ต้องทำราคาหุ้นเพื่อปิดบัญชีจริงๆ กลับโดนขายเหมือนไม่มีเยื่อใยอะไรทั้งสิ้น ส่งผลให้หุ้น KTB เซถลาเป็นนกปีกหักในทันที พร้อมกับอ่อนตัวลงกลับมาอยู่ที่จุดเดิมก่อนขึ้น “โมนิก้า” ถึงรู้สึกเฉยๆ ที่เห็นหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 16.30 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 2.40% ด้วยมูลค่า 1.99 พันล้านบาท มันเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจอย่างเร่งด่วนเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของKBANK กับ SCB วนไปวนมาราคาหุ้นก็ม้วนหัวกลับลงมาอีกรอบ ส่งผลให้คนที่เทขายหุ้นก่อนหน้านี้ ยิ้มกรุ้มกริ่มตลอดทั้งวัน เพราะรู้แล้วว่า รีเทิร์นของหุ้น 2 ตัวนี้ในแต่ละรอบ ให้ได้ไม่เกิน 6% “โมนิก้า” จึงขอแนะนำให้แฟนคลับยึดหลัก “ซอยถี่ๆ” เพื่อเพิ่มรอบในการทำกำไรเข้ากระเป๋า ส่วนคนที่เน้นลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว ลองไปคิดดูกันอีกทีว่า จะเอาอย่างไรนะจ๊ะ

*ส่วนที่แปลกประหลาดขึ้นมานิดหนึ่ง “โมนิก้า” ขอย้อนกลับไปดู AAV เพื่อเปิดเป็นออปชั่นให้กับคนที่ชอบตามกระแสสักหน่อย หลังหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 6.25 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 4.20% ด้วยมูลค่า 930 ล้านบาท มันเป็นช็อตที่สะท้อนถึงการเล่นสั้นๆ รอบใหม่กำลังเกิดขึ้น จึงเหมาะสำหรับพวกที่กล้าลุยเดี่ยวแบบสุดตัว เพราะมันเป็นจังหวะต้องเข้าทำน่ะสิ

*คล้ายคลึงกับกรณีของ BWG กระชากขึ้นมาปิดที่ 2.42 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 8% ด้วยมูลค่า 820 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องหยุดคิด เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการดันหุ้นรอบใหม่ เพราะโมเมนต์เที่ยวนี้เป็นเรื่องของความเชื่อล้วนๆ งานนี้อย่าให้เดี๊ยนต้องขุดตัวเลขออกมาเล่าให้ฟังเป็นฉากๆ เลยดีกว่า! เดี๋ยวจะมีคนบางคนเกิดอาการสะอึกขึ้นมากะทันหันพะยะค่ะ

*ส่วนในรายของ SUPER ยังคงเป็นหุ้นที่เหมาะต่อการเล่นรอบ โดยเฉพาะในช่วงที่รอข่าวจริงปรากฏอย่างเป็นทางการ “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่เหมาะต่อการเข้าทำ เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า กรอบการเล่นในเที่ยวนี้วนไปวนมาที่ระดับ 1.70-1.95 บาท ขณะที่ราคาล่าสุดหุ้นยืนอยู่ที่ 1.81 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 4.60% ด้วยมูลค่า 230 ล้านบาท ก็ยังมีแก๊ปให้เล่นต่ออีกหน่อยนะคะ

*รายที่สร้างความประหลาดใจสุดๆ “โมนิก้า” ขอย้อนกลับไปดูที่หุ้น GENCO จู่ๆ ราคาหุ้นก็พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายขึ้นมาปิดที่ 1.59 บาท บวกไป 0.13 บาท หรือขึ้นไป 8.90% ด้วยมูลค่า 360 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้น 4 วันติดๆ และเมื่อรวมเบ็ดเสร็จหุ้นขึ้นมาทั้งสิ้น 22%  พร้อมกับทำให้ค่า P/E พุ่งขึ้นมาแตะที่ระดับ 124 เท่าแบบนี้ เล่นต่อไหวเหรอค่ะ

*ไหนๆ ก็เม้าท์ถึงหุ้นร้อนกันขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอย้อนกลับไปรำลึกถึงอดีตอันแสนขมขื่นของหุ้น DIMET กันสักหน่อยดีกว่า เพราะการขึ้นมาปิดที่ 3.90 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่า 56 ล้านบาท มันเป็นการดีดกลับที่ทำให้ผู้คนเคลือบแคลงสงสัยเป็นจำนวนมาก เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า มีซัมติ้งรอง! ขนาดก่อนหน้านี้ดันราคาขึ้นไปถึง 21 บาท แต่วันนี้กลายเป็นหุ้นต่ำสิบแบบดาดๆ ยังกล้าเล่นกันอีกเหรอจ๊ะ

*ตบท้ายกันที่หุ้นน้องใหม่ ALT ภายใต้การควบคุมดูแลของที่ปรึกษาทางการเงินมือเก๋าอย่าง “น้องหนึ่ง” ผนึกกำลังกับอันเดอร์ไรท์คิวทองอย่าง “น้องแกะ”  เลยทำให้เดี๊ยนสนใจหุ้นตัวนี้มากเป็นพิเศษขึ้นมาในทันที แถมเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วมีการพูดถึงกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.20 บาท เมื่อนำคิดแบบขำๆ บนค่า P/E 40 เท่า ราคาเป้าหมายของหุ้นตัวนี้จะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 8 บาทในทันที..เมื่อนำมาร้อยเรียงกับโปรเจ็กต์ที่กำลังทำอยู่ ณ เวลานี้..มันทำให้เดี๊ยนต้องยกหูหาน้อง “ปรีญาภรณ์” ภายใน 1-2 วันนี้อย่างแน่นอน..ได้เรื่องแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะคะ

Back to top button