SET บ่ายไซด์เวย์-รอปัจจัยใหม่หนุนแนะสอย 8 หุ้นเด็ดจาก 3 ประเด็นบวก
SET บ่ายยังคงแกว่งไซด์เวย์รอปัจจัยใหม่หนุน พร้อมให้แนวรับ 1,470 และแนวต้าน 1,483-1,486 จุด ชู 8 หุ้นเด็ดจาก 3 ประเด็นบวก นำโดย ADVANC,INTUCH,CK,SEAFCO,SCC,BJC,MC และ CPALL
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (14 ก.ค.) แกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบ คล้ายตลาดภูมิภาค โดยกำลังจับตาการประชุม BoE ซึ่งตลาดคาดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งถ้า BoE ลดจริงก็ทำให้ตลาดในยุโรปบวกได้เล็กน้อย และตลาดฯยังถูกแรงกดดันจากราคาน้ำมัน ทำให้กลุมพลังงานยังบวกไม่ได้ ซึ่งตลาดฯบ้านเราปรับตัวขึ้นไปมากแล้วจึงอาจจะมีการพักตัวเกิดขึ้น บ่ายนี้ ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ ทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้แนวรับ 1,470 แนวต้าน 1,483-1,486 จุด โดยตลาดฯกำลังรอปัจจัยใหม่หนุน
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบ คล้ายตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเช่นกัน ซึ่งตลาดบ้านเราเคลื่อนไหวไร้ทิศทาง โดยกำลังจับตาดูการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ว่าจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง โดยตลาดฯมองว่าน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งถ้า BoE ลดจริงก็ทำให้ตลาดในยุโรปบวกได้เล็กน้อย เนื่องจากตลาดฯก็ยังถูกแรงกดดันจากราคาน้ำมัน ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานยังบวกไม่ได้
นอกจากนี้ ตลาดบ้านเราก็ได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว โดยนับตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย.ถึงปัจจุบัน ดัชนีฯก็ขึ้นไป 4.56% แล้วจึงน่าจะมีการพักตัวกัน และตลาดหุ้นไทยจะไปต่อได้ก็ต้องดูที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนด้วย
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ ทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้แนวรับ 1,470 จุด ส่วนแนวต้าน 1,483-1,486 จุด โดยตลาดฯกำลังรอปัจจัยใหม่หนุน
บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (14 ก.ค.) ว่า SET อาจมีย่อหลังทดสอบ 1,480 จุดและมีความเสี่ยงที่ SET จะมีแรงขายบ้างที่แนวต้าน 1,480 จุด อย่างไรก็ดีด้วยโอกาสที่ BOJ และ ECB จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มในข่วงปลายเดือนนี้ ทำให้การย่อตัวของ SET จะเป็นการ “พัก” เพื่อไปต่อ ด้วยเป้าหมายระยะสัปดาห์ที่ 1,520 จุด แนะนำ “ซื้อ” 1) Yield Plays อย่าง ADVANC, INTUCH, 2) Infrastructure Plays อย่าง CK, SEAFCO, SCC, และ 3) Consumption Plays อย่าง BJC MC และ “เก็งกำไร” CPALL
โดยแนะนำ “ซื้อ” BJC ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 50 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) การซื้อหุ้น BIGC ทำให้ Value-Chain ครบตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ หรือการเข้าถึงของผู้บริโภคโดยตรง 2) BIGC จะการเร่งขยายสาขามากขึ้น จาก 4 Hypermarket, 9 Supermarket และ 75 mini-BIGC ในช่วง ปี 54-58 เป็น 10 Hypermarket, 10 Supermarket และ 200 mini-BIGC ต่อปีตั้งแต่ปี 61-63
3) เกิด Synergy ในการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นหลังซื้อ BIGC เนื่องจากสามารถเพิ่ม Utilization Rate ของกระบวนการผลิตของ BJC ได้ 4) D/E ที่ 1.2x หลังเพิ่มทุนยังต่ำ สามารถสนับสนุนการเติบโตในอนาคตได้สบาย และ 5) PE 23.7x ปีหน้า ใกล้เคียงกับกลุ่มค้าปลีกตัวอื่นๆ แต่มีการเติบโตที่แข็งแกร่ง และ PBV ที่ 1.5x ต่ำที่สุดในกลุ่ม ขณะที่ถ้าพิจารณาในทางเทคนิคมีเป้าหมายระยะสั้น 44 บาท และ 46 บาท ตามลำดับ
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
JAS มูลค่าการซื้อขาย 4,236.42 ล้านบาท ปิดที่ 5.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,066.96 ล้านบาท ปิดที่ 8.85 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
BEM มูลค่าการซื้อขาย 1,409.64 ล้านบาท ปิดที่ 6.80 บาท ลดลง 0.15 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,070.29 ล้านบาท ปิดที่ 23.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,045.89 ล้านบาท ปิดที่ 30.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท