ORI เล็งปรับเป้ารายได้เพิ่มจาก 7.5 พันลบ. H2/59 รุกเปิด 5 โครงการใหม่

ORI เล็งปรับเป้ารายได้เพิ่มจาก 7.5 พันลบ.โดยปัจจุบันบริษัททำได้แล้ว 4 พันลบ. H2/59 รุกเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 6 พันลบ.


นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า บริษัทจะพิจารณาปรับเพิ่มเป้ายอดขายในปีนี้จากเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ 7.5 พันล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทสามารถทำยอดขายได้แล้ว 4 พันล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้บริษัทได้มีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้นกว่าครึ่งปีแรกที่เปิดไป 3 โครงการ มูลค่า 4 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลังจะมีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมด 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6 พันล้านบาท โดยในวันนี้บริษัทได้มีการเปิด 2 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ มูลค่าโครงการรวม 1.45 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการ นอตติ้ง ฮิลล์ ดิ เอ๊กซ์คลูซีฟ เจริญกรุง มูลค่า 450 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท ตั้งเป้ามียอดพรีเซลภายในงานเปิดจองวันที่ 30 ก.ค.59 ราว 70% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด 132 ยูนิต และอีกหนึ่งโครงการที่เปิดตัววันนี้ คือ โครงการ แคนซิงตัน เกษตร-แคมปัส มูลค่าโครงการ 1 พันล้านบาท ราคาขายเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดจองจากลูกค้าที่ลงทะเบียนและลูกค้า VVIP แล้ว 80% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด 451 ยูนิต และจะมีการเปิดจองอย่างเป็นทางการในงานพรีเซลวันที่ 16-17 ก.ค.59 อีกครั้ง

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการเปิดคอนโดมิเนียมใหม่ในไตรมาส 4/59 อีก 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4.55 พันล้านบาท โดยเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในโซนกรุงเทพฯทั้งหมด โดยจะมีทำเลอย่างเช่นย่านสะพานใหม่ เป็นต้น อีกทั้งแนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไนครึ่งปีหลังคาดว่าจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก จากแรงกระตุ้นของผู้ประอกบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายๆรายที่จะเริ่มเปิดตัวโครงการใหม่กันมากขึ้น และการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐจะเป็นแรงหนุนให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวขึ้น และทำให้ประชาชนมีความมั่นใจมากขึ้น และการตัดสินใจซื้อก็จะตามมา เนื่องจากความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

ในขณะเดียวกัน รายได้ของบริษัทในปีนี้ยังมั่นใจว่าทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4 พันล้านบาท โดยในปีนี้จะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) จำนวน 3.25 พันล้านบาท จาก Backlog ที่มีอยู่ในปัจจุบันที่ 9 พันล้านบาท ซึ่งจะมีการรับรู้รายได้ เป็นส่วนใหญ่ในไตรมาส 4/59 โดยมีโครงการที่เตรียมโอนในไตรมาส 3/59  คือ โครงการคอนโดมิเนียม PAUSE 115 มูลค่าโครงการ 540 ล้านบาท มีกำหนดสร้างเสร็จและจะเริ่มทยอยโอน และไตรมาส 4/59 มีกำหนดสร้างเสร็จและจะเริ่มทยอยโอน จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียม Notting Hill Kaset มูลค่าโครงการ 570 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียม Knights Bridge Sky River มูลค่าโครงการ 1.46 พันล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม Cabana มูลค่าโครงการ 1.1 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ความเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อของธนาคารในครึ่งปีหลัง บริษัทมองว่าจะมีความผ่อนคลายมากขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น ซึ่งแนวโน้มของอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัทนั้นปัจจุบันอยู่ที่ 10% ต่ำกว่าทั้งระบบที่ 30% และแนวโน้มอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทและระบบคาดว่าจะลดลงได้อีกเล็กน้อยในครึ่งปีหลัง แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของบริษัทการขายโครงการคอนโดมิเนียมจะหันมาจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นแห่งแรก ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่มีภาระด้านหนี้สินมาก่อน ทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก

ขณะที่แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยนับจากนี้ นายพีระพงศ์ มองว่า ผู้ประกอบการจะเร่งเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากขึ้น เพราะเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวจากภาพรวมของเศรษฐกิจที่กำลังปรับตัวดีขั้น ซึ่งมีผลดีกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้นและเริ่มหันกลับมาจับจ่ายใช้สอย นอกจากนี้ยังมั่นใจว่าผู้บริโภคยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอยู่มาก

Back to top button