พาราสาวะถี อรชุน

คำโบราณท่านว่าไว้ความเป็นคนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ เห็นจะจริงในยุคสมัยนี้เพราะกลุ่มคนดีขนาดไปกว้านซื้อที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ ที่ป่าสงวน ผิดกฎหมายเห็นๆ แต่อ้างเหตุผลว่านำมาปลูกป่าเพื่อชาติ ยังอยู่รอดปลอดภัยได้จนถึงบัดนี้ สิ่งสำคัญคนดังว่าไม่ใช่คนธรรมดาเสียด้วยหากแต่เป็นพระที่ชื่อว่าพุทธะอิสระ ซึ่งเป็นพระดีที่น่ากราบไหว้ของบรรดา 3 เสือแห่งบูรพาพยัคฆ์


คำโบราณท่านว่าไว้ความเป็นคนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ เห็นจะจริงในยุคสมัยนี้เพราะกลุ่มคนดีขนาดไปกว้านซื้อที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ ที่ป่าสงวน ผิดกฎหมายเห็นๆ แต่อ้างเหตุผลว่านำมาปลูกป่าเพื่อชาติ ยังอยู่รอดปลอดภัยได้จนถึงบัดนี้ สิ่งสำคัญคนดังว่าไม่ใช่คนธรรมดาเสียด้วยหากแต่เป็นพระที่ชื่อว่าพุทธะอิสระ ซึ่งเป็นพระดีที่น่ากราบไหว้ของบรรดา 3 เสือแห่งบูรพาพยัคฆ์

ตรงนี้ไม่ได้กล่าวหาเพราะภาพมันฟ้องชัดเจนทั้ง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่างพากันหมอบกราบให้พุทธะอิสระเจิมหน้าผากลงนะหน้าทองกันมาทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้เมื่อมีการดำเนินคดีกับสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์หรือสมเด็จช่วง วรปุญโญ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ในกรณีครอบครองรถหรูโดยดีเอสไอ จึงเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

ขณะเดียวกันการตีหน้ายักษ์แยกเขี้ยวใส่ เจ้าคุณประสาร หรือ พระเมธีธรรมาจารย์ ที่ประกาศจะนัดเคลื่อนไหวเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้สมเด็จช่วงและทวงถามความคืบหน้าเรื่องการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ ทั้งของบิ๊กตู่และบิ๊กป้อม ย่อมทำให้หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบไม่ได้ พระรูปหนึ่งมีคดีความติดตัวเป็นพะเรอเกวียนแต่รอดปลอดภัยและยังเคลื่อนไหวได้สะดวกโยธินในเวลานี้

นับตั้งแต่บุกสถานทูตสหรัฐอเมริกา พาคนไปยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อทักท้วงและให้ตรวจสอบสมเด็จช่วง ขณะที่พระรูปหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งแค่ขยับตัวก็ถูกข่มขู่สารพัด มิหนำซ้ำ ยังมีการส่งคนไปกดดันอีกต่างหาก นี่แหละคนดีทำอะไรก็ไม่ผิด ใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายหรือทุจริตคอร์รัปชั่น ก็ยังมีการเพิกเฉยสีข้างเข้าถูอ้างไปต่างๆ นานา

เมื่อกระบวนการยุติธรรมตั้งต้นมันบิดเบี้ยว ที่สำคัญคือผู้มีอำนาจ (เบ็ดเสร็จเด็ดขาด) ได้เลือกแล้วว่าจะยืนอยู่ข้างใคร สิ่งที่ตั้งใจไว้ทั้งในเรื่องการสร้างความปรองดอง การปฏิรูปหรือยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จึงเป็นได้เพียงแค่ความฝัน เพราะถึงแม้จะใช้กฎหมายวิเศษบังคับถูลู่ถูกังกันไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะมันปราศจากความชอบธรรมและการยอมรับของคนส่วนใหญ่

เช่นเดียวกับการเขียนร่างรัฐธรรมนูญของกลุ่มคนดี สิ่งที่เป็นข้อบกพร่องนั้นกลุ่มต่างๆ ได้ชี้ให้เห็นกันมานักต่อนัก มีอีกเรื่องที่ สามชาย ศรีสันต์ อาจารย์ธรรมศาสตร์ชี้ชวนให้คิด นั่นก็คือ เรื่องของคนไทยหรือประชาชน เพราะประชาชนในความหมายทางปฏิบัติของร่างรัฐธรรมนูญมีชัย อาจไม่ใช่ประชาชนคนส่วนใหญ่ แต่เป็นรัฐและนายทุน ขณะที่ประชาชนในความหมายเดิมกลายเป็นผู้ก่อความไม่สงบที่ทำลายความมั่นคงของรัฐไปเสียฉิบ

สิ่งที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมาในมุมของสามชายเห็นว่า ท้ายที่สุดรัฐบาลชุดนี้ได้สร้างบรรยากาศของการหมิ่นแคลนชาวบ้านว่าเป็นผู้ไม่รู้ ไม่ประสีประสา คนตัดหญ้าหน้าทำเนียบรัฐบาลจะไปรู้อะไร เกษตรกร ชาวนา ชาวไร่ เป็นภาระและรอรับความช่วยเหลือตลอดเวลา ไม่ปรับปรุง พัฒนารูปแบบการผลิตและหลงอยู่กับนโยบายประชานิยม

แน่นอนว่า ในฐานะคนที่เท่าเทียมไม่มีใครต้องการถูกลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ประกอบกับ 2 ปีที่ผ่านมา นโยบาย มาตรการ การกระทำที่ออกมาก็ล้วนคุกคามใช้กำลังต่อชาวบ้าน ต่อคนเล็กคนน้อยมาโดยตลอด ซึ่งแทนที่จะทำให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ กลับยิ่งจะสร้างความขัดแย้งรุนแรงและแตกแยกมากขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ ชาวบ้าน ประชาชน คนเล็กคนน้อยที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศจะไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้

ปฏิกิริยาของคนและกลุ่มต่างๆ ที่เริ่มทยอยแสดงจุดยืนที่ชัดเจนนั้น เป็นภาพสะท้อนให้ผู้มีอำนาจได้ฉุกคิดว่า สิ่งที่ได้ดำเนินการมาตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีนั้น เดินมาถูกทางแล้วหรือไม่ หากยังมองไม่เห็นอันนี้ก็ถือเป็นความซวยของบ้านเมือง ที่จะต้องเดินไปแบบมืดบอดกันต่อไป แต่ถ้าผู้มีอำนาจมองเห็นแล้วทำใจให้เป็นธรรมและเป็นกลาง ก็ควรจะทบทวนและพิจารณาแนวทางใหม่ว่า ทำอย่างไรจึงจะให้ประชาชน (ส่วนใหญ่) ยอมรับและพร้อมจะเดินไปด้วยกัน

บทเรียนในอดีตที่ผ่านมากฎหมายหรืออาวุธปืนไม่สามารถที่จะทำลายล้างขบวนการภาคประชาชนได้หากเกิดการลุกฮือ ถ้อยแถลงของ วรเจตน์ ภาคีรัตน์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น น่าสนใจและต้องฉุกคิดทั้งฝ่ายประชาชนและผู้กุมอำนาจ เข้าใจดีว่าในช่วงสองปีมานี้ หลายคนอาจเกิดความเบื่อหน่าย ท้อแท้ ผิดหวัง รู้สึกว่ากระบวนการที่จะได้มาซึ่งประชาธิปไตยดูจะยาวนาน แต่ทุกอย่างไม่ได้ได้มาง่ายๆ

ถ้าใครเหนื่อยก็พักไม่มีใครว่าอะไร หายเหนื่อยก็กลับมาสู้ ขออย่างเดียว ขอให้อุดมการณ์ประชาธิปไตย การปกครองโดยกฎหมายที่เป็นธรรมโชติช่วงอยู่ในใจของผู้รักประชาธิปไตยทุกคน สิ่งที่เผด็จการกลัวที่สุดก็คือ ไฟที่ลุกโชติช่วงอยู่ในใจของทุกคนที่ดับไม่ได้ เผด็จการทั้งหลายในโลกนี้ไม่ว่ามีลักษณะอย่างไร จะฉาบเคลือบด้วยเสื้อคลุมแบบไหนก็ตาม สิ่งเดียวที่เขาชอบคือ ความหวังของผู้คนที่ใฝ่หาเสรีและประชาธิปไตยมอดดับลง

ดังนั้น ตราบเท่าที่ความหวังในหัวใจของคนรักประชาธิปไตยทั้งหลายยังโชติช่วงอยู่ แสดงออกได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่จิตใจยังมั่นคงอยู่เสมอ วันหนึ่งเผด็จการจะรู้ว่าเขาดับไฟในใจของทุกคนไม่ได้ และเมื่อถึงเวลาที่ไฟในใจของแต่ละคนรวมกัน วันนั้นคือวันที่เชื่อว่าเราจะมีประชาธิปไตย มีกฎหมายที่เป็นธรรมอย่างแท้จริง

นี่คือสิ่งที่ฝ่ายประชาธิปไตยพร่ำสอนกันมาโดยตลอด ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลานับตั้งแต่คสช.ก้าวขึ้นสู่อำนาจนั้น ไม่มีการเคลื่อนไหวคัดค้านหรือต่อต้านจากฝ่ายที่ถูกมองว่าเป็นปฏิปักษ์อย่างคนเสื้อแดง คงไม่ใช่เพราะคนเหล่านั้นกลัวอำนาจวิเศษ หากแต่พวกเขาเลือกที่จะรอ เพราะรับรู้ภารกิจที่ต้องต่อสู้ว่า เพื่อประชาธิปไตย ที่ไม่ใช่ต่อสู้เพื่อตัวเอง หากแต่เป็นเพื่อคนรอบข้าง เพื่อลูกหลาน เพื่อคนในอนาคต ที่จะได้มีสังคมที่ดีงาม สังคมที่มีอนาคตต่อไป

Back to top button