เดือนเดียวซื้อ 4.40 หมื่นลบ. โมนิก้าและทีมงาน

*ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา มีแต่คนกริ๊งกร๊างมาหา “โมนิก้า” เพื่อถามไถ่ถึงสาเหตุที่ทำให้ดัชนียังสามารถยืนเหนือระดับ 1,500 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับพยายามไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ มันเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยดีขึ้นหรือเปล่า? เดี๊ยนถือเป็นการสอบถามที่หมิ่นน้ำใจกันเกินไป เพราะตลอดทั้งสัปดาห์เดี๊ยนพูดถึงเรื่องฝรั่งหัวทองล้วนๆ แล้วทำไมต้องมาถามเรื่องแบบนี้อีกล่ะค่ะ


*ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา มีแต่คนกริ๊งกร๊างมาหา “โมนิก้า” เพื่อถามไถ่ถึงสาเหตุที่ทำให้ดัชนียังสามารถยืนเหนือระดับ 1,500 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับพยายามไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ มันเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยดีขึ้นหรือเปล่า? เดี๊ยนถือเป็นการสอบถามที่หมิ่นน้ำใจกันเกินไป เพราะตลอดทั้งสัปดาห์เดี๊ยนพูดถึงเรื่องฝรั่งหัวทองล้วนๆ แล้วทำไมต้องมาถามเรื่องแบบนี้อีกล่ะค่ะ

*สงสัยว่า “โมนิก้า” คงพูดถึงเรื่องดังกล่าวไม่หมดกระมัง! จึงขอเสริมเรื่องข้อมูลตัวเลขเพื่อให้ทุกคนเข้าใจไปในทางเดียวกัน ซึ่งหวังว่า แฟนคลับคงเข้าใจเหตุผลที่ต้องย้ำถึงประเด็นดังกล่าวตลอดเวลา เพราะมันเป็นเรื่องราวที่อธิบายให้สังคมได้รับรู้ว่า การขึ้นเที่ยวนี้เป็นผลมาจากตัวแปรที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ซึ่งวันนี้อาจเป็นเรื่องดีสำหรับทุกคน แต่วันหน้าอาจเป็นเรื่องร้ายสำหรับทุกคนก็ได้ เพราะของมันเคยเห็นกันมาแล้วนะคะ

*หากยังจำกันได้! ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทย BOOM…BOOM จังหวะนั้นนักลงทุนต่างชาติขนเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากถึง 200,000 ล้านบาท ดัชนีในช่วงนั้นทะยานขึ้นปีละ 200-300 จุดเลยทีเดียว ในมุมกลับกันพอถึงจังหวะที่ฝรั่งหัวทองถอนทุนออกจากตลาดหุ้นไทย ก็สาดหุ้นออกมาเท่ากับที่ซื้อเข้ามาก่อนหน้านี้ และทำให้ดัชนีร่วงลงเท่ากับที่ขึ้นมานะจะบอกให้

*ด้วยเหตุนี้ถึงต้องถามแฟนคลับแบบตรงๆ ว่า ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,524.07 จุด ลบไป 0.51 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.48 หมื่นล้านบาท โดยในเดือนกรกฎาคม ฝรั่งซื้อหุ้นไทยไปทั้งสิ้น 4.43 หมื่นล้านบาท และเมื่อรวมตั้งแต่ต้นปี 59 ซื้อสุทธิ 8 หมื่นล้านบาท พร้อมกันนั้นก็เห็นทรงดัชนีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเป็นแบบ w-shape ซึ่งมีจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,650 จุด และมีจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,200 จุดเจ้าค่ะ

*วันนี้ถึงต้องถามใจผู้เล่นจะซื้อหุ้นตามก้นฝรั่ง หรือจะเลือกหุ้นในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งการเลือกลงทุนในแต่ละแบบก็ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน แต่ทั้ง 2 กรณียังต้องมุ่งเน้นการเล่นรอบในช่วงระยะเวลาหนึ่ง “โมนิก้า” ถึงพยายามโฟกัสไปที่หุ้นกลุ่มเป้าหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะเม้าท์ถึงทีไร แมงเม่ารวยทุกที จึงต้องเม้าท์ต่อไปเรื่อยๆ หรือใครคิดว่าไม่จริงบ้าง…ก็กริ๊งกร๊างกันมาหาได้ทันทีนะคะ

*โดยเฉพาะในรายของน้อง BEM ถือเป็นทีเด็ดที่ “โมนิก้า” เม้าท์ถึงแบบไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับหุ้นตัวนี้ มันทำให้ทุกคนแฮปปี้กันอย่างถ้วนหน้า ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 8.40 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 5.70% ด้วยมูลค่า 3.27 พันล้านบาท มันเป็นผลพวงมาจากธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นเต็มตัว กูรูหลายสำนักถึงอัพราคาเป้าหมายกันอย่างต่อเนื่องไงล่ะค่ะ

*เหมือนกับในรายของ TACC แม้จะถูกจับเข้าคุกเงินสด แต่แรงซื้อยังคงหนาแน่นเหมือนเดิม “โมนิก้า” ถึงมั่นใจขึ้นไปอีกขั้นว่า จังหวะนี้จะเหลือแต่คนที่ต้องการนอนกอดหุ้นจริงๆ ซึ่งส่งผลให้หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 7.40 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่า 230 ล้านบาทอย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับจินตนาการไปถึงขั้นที่ว่า หุ้นมีสิทธิ์ขึ้นไปสองหลักแบบนี้…ไม่รู้ว่า เดี๊ยนฝันเยอะเกินไปอ่ะป่าว…อิอิอิ

*เช่นเดียวกับในรายของ ALT มองในมุมของหุ้นที่เล่นรอบ หุ้นตัวนี้ก็น่าสนใจสุดๆ หรือจะมองในมุมของลงทุนยาวๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนที่มีเงินเย็นได้ค่อนข้างดี “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับตัดสินใจกันเอาเองว่า การที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 8.25 บาท บวกไป 0.30 บาท ด้วยมูลค่า 145 ล้านบาท มันมีมูลเหตุมาจากพัฒนาการของตัวบริษัทจะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 3 จริงไหม?…ไม่เชื่อลองดูกันไปเรื่อยๆ ก็ได้นะคะ

*ส่วนรายที่ชัดเจนแจ่มแจ้ง “โมนิก้า” ขอให้ทุกคนหันมามอง BEAUTY ล่าสุดราคาหุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 9.80 บาท จากก่อนหน้านี้ประมาณ 3 เดือนหุ้นยืนอยู่ที่ 5.50 บาท ให้รีเทิร์น 78% มันคุ้มค่ากับการลงทุนขนาดไหน? พวกที่มีเงินเย็นน่าจะรู้ดี และคนที่ติดตามเดี๊ยนเม้าท์ถึงหุ้นตัวนี้ ก็คงซาบซึ้งอย่างไม่ต้องสงสัย!…ก่อนจะมีวันนี้ หุ้นย่ำฐานนานถึง 6 เดือน…ตัวเองรู้ไหม?

*เช่นเดียวกับในรายของพระเอกตัวจริง AJD ของอาเฮีย “อมร” วันนี้ลบคำสบประมาทของคนบางคนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะพวกจิตใจแคบที่ไม่เชื่อว่า เขาจะกลับมาได้…เพราะไม่ยอมเปิดใจรับฟังนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่สังคมเห็นกันอยู่แล้วว่า บิ๊กดีลที่ทำร่วมกับอาลีบาบา…มันสะท้อนความไม่หยุดนิ่งของผู้บริหาร และการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.76 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 4.76% ด้วยมูลค่า 166 ล้านบาท มันน่าจะต่ำเกินไปสำหรับบริษัทที่มี growth อย่างเด่นชัด…วันหน้าจะเล่าให้ฟังนะคะ

*ตบท้ายกันที่น้องกิ๊ฟ GIFT ซึ่งเป็นหุ้นพื้นฐานดี คุณภาพสูง แต่นักลงทุนไม่ค่อยนิยมนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของมุมมองแต่ละคน ส่วนสิ่งที่เห็นกันชัดๆ คือ การย้ายจาก mai ไป SET  น่าจะเป็นการพลิกโฉมครั้งสำคัญ แถมบริษัทที่ทำกำไรดีๆ ย้ายไปในตลาดที่ใหญ่ขึ้นทีไร ระเบิดระเบ้อทุกราย ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.92 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 4.80% คงต้องถาม “น้องพีรเจต” กันเอาเองว่า วันที่ 1 ส.ค. จะมีอะไรที่เป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์อ่ะป่าว!

Back to top button