ดอลล์อ่อนค่าหลังสหรัฐฯเผยจีดีพีต่ำกว่าคาด
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 ก.ค.) หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่จีดีพี ไตรมาส 2 ของสหรัฐขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ ขณะที่ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนบ่งชี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐอยู่ในระดับต่ำกว่าคาดในเดือนก.ค.
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (29 ก.ค.) อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.05 เยน จากระดับ 105.44 เยนในการซื้อขายวันก่อน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9694 ฟรังค์ จากระดับ 0.9813 ฟรังค์
ด้านยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.1166 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1073 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าสู่ระดับ 1.3239 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3154 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียขยับขึ้นแตะระดับ 0.7598 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7499 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จีดีพีเบื้องต้นประจำไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 1.2% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.6% โดยได้รับผลกระทบจากสต็อกสินค้าคงคลังที่ลดต่ำลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2011
นอกจากนี้ ทางกระทรวงยังได้ปรับลดการประมาณการตัวเลขจีดีพีในไตรมาสแรก สู่ระดับ 0.8% หลังจากรายงานก่อนหน้านี้ที่ประมาณการว่าขยายตัว 1.1% ด้านมหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 90.0 ในเดือนก.ค. จากระดับ 93.5 ในเดือนมิ.ย. และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 90.5
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และการคาดการณ์ในอนาคต โดยดัชนีดังกล่าวเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ฐานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล