น้ำมันลด..หุ้นมุดหัวโมนิก้าและทีมงาน
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามที่ทุกอย่างดูหอมหวาน มักหยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไป ผู้คนในตลาดหุ้นต่างแฮปปี้กันอย่างถ้วนหน้า พอถึงคราวที่ทุกอย่างไม่เป็นเหมือนฝัน สถานการณ์ของหุ้นถึงเละเทะกันอย่างถ้วนหน้า เพราะปัจจัยที่เข้ามากระตุ้นแรงซื้อในช่วงที่ผ่านมา ดันเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้นที่ต้องดูกันเดือนต่อเดือน บรรยากาศการลงทุนถึงกลับมาอึมครึมอีกครั้งไงล่ะค่ะ
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามที่ทุกอย่างดูหอมหวาน มักหยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไป ผู้คนในตลาดหุ้นต่างแฮปปี้กันอย่างถ้วนหน้า พอถึงคราวที่ทุกอย่างไม่เป็นเหมือนฝัน สถานการณ์ของหุ้นถึงเละเทะกันอย่างถ้วนหน้า เพราะปัจจัยที่เข้ามากระตุ้นแรงซื้อในช่วงที่ผ่านมา ดันเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้นที่ต้องดูกันเดือนต่อเดือน บรรยากาศการลงทุนถึงกลับมาอึมครึมอีกครั้งไงล่ะค่ะ
*ถามว่าเรื่องนี้กินระยะเวลายาวนานขนาดไหน? “โมนิก้า” ขอตอบกลับไปในทันทีว่า ขึ้นอยู่กับผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนจะออกมาดีขนาดไหน!..หากผลงานทำได้ดีกว่าที่คาด หุ้นมีสิทธิ์ทะยานขึ้นไปอีก ในทางกลับกัน หากผลงานทำได้แย่กว่าที่คาด หุ้นมีสิทธิ์ร่วงลงไปต่ำกว่า 1,480 จุด จึงต้องโฟกัสประเด็นดังกล่าวมากกว่าประเด็นอื่นๆ นะจะบอกให้
*เนื่องจากผลของการทำประชามติที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7 ส.ค. 59 มันเป็นเพียงกิมมิคในการใช้บิ้วด์อารมณ์นักลงทุนในระยะสั้นๆ เพราะเมื่อดูข้อมูลเก่าๆ ในช่วงที่มีการเลือกตั้ง “โมนิก้า” ก็เห็นหุ้นขึ้นก่อนเลือกตั้งเป็นประจำ พอใกล้จะเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หุ้นก็อ่อนตัวลงมาเป็นประจำ วันนี้ถึงต้องมองกันให้ดีว่า การที่หุ้นขึ้นเที่ยวนี้ มีพื้นฐานรองรับแค่ไหน!..จำไว้ด้วยนะตัวเอง
*เหมือนกับราคาน้ำมันดิบที่ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้แรงซื้อไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นเป็นจำนวนมาก (เชื่อว่า เศรษฐกิจดีขึ้น) พอราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างรุนแรง และทำท่าจะอ่อนตัวลงไปอีก ก็กลายเป็นชนวนเหตุให้กองทุนเทขายหุ้นทิ้งอย่างหนักหน่วงแบบนี้ เดี๊ยนขอเทน้ำหนักไปที่ประเด็นดังกล่าวในทันที เพราะเป็นตัวการทำให้ดัชนีรูดลงมาอยู่ที่ 1,497.51 จุด ลบไป 15.11 จุด ด้วยมูลค่า 5.72 หมื่นล้านบาทนะจ๊ะ
*ด้วยเหตุนี้ถึงเห็นพี่ใหญ่อย่าง PTT เซถลาเป็นนกปีกหัก ก่อนจะลงมาปิดที่ 319 บาท ลบไป 8 บาท หรือลงไป 2.45% ด้วยมูลค่า 2.27 พันล้านบาท แถมเป็นการอ่อนตัวลงมาอยู่ใต้ระดับ 320 บาท เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 2 เดือน “โมนิก้า” ถือเป็นมูฟเมนต์ที่ส่งผลโดยตรงกับการเคลื่อนไหวของดัชนี และยังเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า นักลงทุนสถาบันหันมาขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงกันอีกแล้วนะคะ
*เหมือนเช่นกรณีของ BEM หากวิเคราะห์รูปแบบของหุ้นก่อนหน้านี้จะเห็นว่า ทุกคนส่งเสียงเชียร์ให้ “ซื้อ” เหมือนกับเดี๊ยนทุกอย่าง แถมมีการอัพราคาเป้าหมายขึ้นไปถึง 9 บาท พอหุ้นวิ่งขึ้นไปใกล้จะถึงจุดนัดพบดังกล่าว ก็มีการเทขายหุ้นออกมาอย่างถล่มทลาย จนสุดท้ายหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 7.95 บาท ลบไป 0.55 บาท หรือลงไป 6.50% ด้วยมูลค่า 6.12 พันล้านบาท มันเป็นเรื่องของการชิงจังหวะอย่างแท้จริงนะเนี่ย
*ประเด็นดังกล่าวเชื่อมโยงกับหุ้น BWG ซึ่งเป็นหุ้นที่มีข่าวเม้าท์ออกมาจากสี่แยกปากมอมเยอะที่สุดตัวหนึ่ง ล่าสุดเกิดอาการข้อเข่าทรุดกะทันหัน หุ้นถึงไหลลงมาปิดที่ 2.34 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 4.90% ด้วยมูลค่า 1.27 พันล้านบาท เมื่อนำไปเทียบกับราคาหุ้นก่อนหน้านี้ที่ทะยานขึ้นไปถึง 2.80 บาท ต่อจากนั้นค่อยๆ ซึมลงมาอย่างต่อเนื่อง จนมีสิทธิ์ลงไปทดสอบเส้นแนวรับ 75 วันที่บริเวณ 2 บาท “โมนิก้า” ถือเป็นประเด็นที่นักเล่นต้องคิดตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วนะคะ
*เช่นเดียวกับกรณีของหุ้น TRC เกิดอาการเครื่องสะดุดขึ้นมากะทันหัน จนนำไปสู่แรงเทขายออกมาอย่างต่อเนื่องนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของข่าวสารที่ยังไม่ซัพพอร์ต วานนี้ถึงเป็นอีกครั้งที่หุ้นรูดลงมาปิดราคาต่ำสุดของวันที่ระดับ 1.37 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 6.80% ด้วยมูลค่า 187 ล้านบาท พร้อมกับเป็นการทำราคาต่ำสุดในรอบ 1 ปี 5 เดือนแบบนี้ เดี๊ยนมองเป็นจังหวะของการทยอยเก็บของมากกว่าถอยหนีเจ้าค่ะ
*ส่วนกรณีของ COM7 รูดลงแรง 2 วันติดต่อกันนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นประเด็นที่น่ากลัวมากกว่ารายข้างต้น เพราะรายข้างต้นไหลลงมานานแล้ว ส่วนรายนี้เพิ่งจะโดนถล่มลงมาหยกๆ เดี๊ยนถึงอยากให้ขาประจำดูสัญญาณเทคนิคให้ดีๆ ว่า การอ่อนตัวลงมายืนอยู่ที่ 10.40 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 4.60% ด้วยมูลค่า 345 ล้านบาท แถมเป็นการยืนปิดเหนือแนวรับ 10.20 บาทอย่างฉิวเฉียด มันตีความได้ว่า หากยืนไม่ไหวให้ไปรอรับ 8.60 บาทหรือเปล่าตัวเอง!
*เหมือนกับในรายของ SYNTEC หากดูจากผลงานที่ทำได้ตั้งแต่ปี 58 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 1 ปี 59 “โมนิก้า” ถือว่า หุ้นตัวนี้น่าสนใจไม่ใช่น้อย เพราะกำลังผันตัวเองไปเป็นหุ้น growth stock แถมเมื่อดูจากค่า P/E ที่ระดับ 8 เท่า โดยที่ราคาหุ้นวานนี้รูดลงมาปิดที่ 3.64 บาท ลบไป 0.18 บาท หรือลงไป 4.70% ด้วยมูลค่า 173 ล้านบาท มันกลายเป็นจังหวะที่ต้องช้อนของให้เยอะสุดอะป่าว!
*ตบท้ายกันที่ “หุ้นดี ทรงสวย กำไรเด่น” อย่าง LIT เพื่อทำให้แฟนคลับเห็นว่า เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ แถมกำไรออกมาดีกว่าที่คาดทุกครั้ง หุ้นย่อมยกตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 11.20 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 2.75% ด้วยมูลค่า 100 ล้านบาท พร้อมกับสร้างปรากฏการณ์ all time high นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น โดยที่ค่า P/E อยู่ที่ระดับ 30 เท่า มันเป็นจุดที่ควรเล่นต่อหรือเปล่า?..ลองไปคิดกันดูนะคะ