SET บ่ายเทคนิคเคิลรีบาวน์-รอผลลงประชามติฯจัด 7 หุ้นเด็ดเป้าหมายการไหลเข้าของเงินทุน
SET บ่าย Technical Rebound แนะรอผลดูการลงประชามติฯในวันที่ 7 ส.ค.นี้ โบรกฯ แนะ "ซื้อ" 7 หุ้นเด็ด ที่เป็นเป้าหมายการไหลเข้าของกระแสเงินทุน นำโดย SCC, ADVANC, AOT, KTB, BJC, HMPRO และ CPALL
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (3 ส.ค.) เกิดเทคนิครีบาวน์ในช่วงสั้นหลังปรับตัวลงในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยตลาดฯรอดูผลการลงประชามติฯในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ตลาดภูมิภาคติดลบขณะที่ยังรอดูผลการประชุม BoE ในวันพรุ่งนี้ (4 ส.ค.) และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในคืนวันศุกร์นี้ บ่ายนี้ตลาดฯยังคงเป็นลักษณะเทคนิคเคิลรีบาวน์ พร้อมให้แนวรับ 1,490 แนวต้าน 1,510-1,514 จุด
นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เป็นแค่เทคนิคเคิลรีบาวน์ในช่วงสั้นหลังจากได้ปรับตัวลงไปในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยตลาดฯคงยังรอดูปัจจัยในประเทศจากการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค.นี้ก่อน
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบกัน ต่างก็ยังรอดูการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพรุ่งนี้ (4 ส.ค.) และยังรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในวันศุกร์นี้ด้วย ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯคงจะเป็นลักษณะเทคนิคเคิลรีบาวน์ พร้อมให้แนวรับ 1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,510-1,514 จุด
บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (3 ส.ค.) ว่า SET Technical Rebound ใกล้แนวรับ 1,490 จุด ในช่วงเข้าที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะมี Upside จำกัดที่ 1,510-1,514 จุด เท่านั้น แต่ถือว่าเป็นโอกาสในการ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่เป็นเป้าหมายการไหลเข้าของกระแสเงินทุนหลังประชามติวันที่ 7 ส.ค.นี้ อย่าง SCC ADVANC AOT KTB BJC HMPRO (ปรับเป้าหมายพื้นฐานเป็น 13 บาท แนวต้านระยะสั้นที่ 10.60 บาท) และ CPALL นอกจากนี้ยังแนะนำ “ซื้อ” SGP ที่คาดการณ์กำไรไตรมาส 2/59 จะเติบโตแกร่ง +42.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ 575 ล้านบาท และยังมี Upside Risk จากธุรกิจไฟฟ้าในพม่าด้วย
ในขณะเดียวกันแนะนำ “ซื้อ” SGP ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 18.60 บาท จาก 1) คาดกำไรไตรมาส 2/59 เติบโตแกร่ง +42.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 575 ล้านบาท จากปริมาณการขายก๊าซต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น 4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 11.6% เทียบไตรมาสก่อนหน้า รวมไปถึงไม่มีบันทึกขาดทุนเหมือนกับช่วงไตรมาส 1/59 ที่ผ่านมา 2) คาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 3/59 เติบโตดีต่อเนื่องจากยอดขายในไทย และจีนที่ขยายตัว และ 4Q/59 เป็นช่วง High Season ของธุรกิจก๊าซในประเทศจีน คาดการณ์กำไรทั้งปีที่ 1.85 พันล้านบาท +60% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
3) แม้ราคาหุ้นปรับสูงขึ้นกว่า 50% ตั้งแต่ต้นปี แต่ PE ปัจจุบัรนที่ 7.8x ยังไม่แพง ขณะที่คาดการณ์อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 5-5.5% ในปี 59-60 4) ธุรกิจไฟฟ้าเริ่มสร้างรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/59 ประมาณ 25 ล้านบาท หรือประมาณ 100 ล้านบาท/ปี ซึ่งยังไม่ได้รวมในประมาณการ และ 5) ทางเทคนิค ราคาหุ้นยืนได้เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 1 เดือนที่ 15.40 บาท เมื่อเช้ามีจังหวะดีดตัวด้วยเป้าหมายระยะสั้นที่ 16.50 บาท
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
BEM มูลค่าการซื้อขาย 2,959.00 ล้านบาท ปิดที่ 7.95 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,286.15 ล้านบาท ปิดที่ 16.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 971.31 ล้านบาท ปิดที่ 190.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 792.89 ล้านบาท ปิดที่ 319.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 696.38 ล้านบาท ปิดที่ 77.75 บาท ลดลง 1.25 บาท