ราคาหุ้น….ไม่ขึ้นกับอดีตแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

หลายคนที่รู้เดียงสาไม่มากในเรื่องเกมของตลาดหุ้นและราคาหุ้น ตั้งคำถามเชิงสงสัยว่า เหตุใดนักวิเคราะห์หุ้นส่วนใหญ่ จึงแนะนำให้ขายหุ้นของ บริษัท วี จี ไอโกลบอลมีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ทั้งที่มีกำไรไตรมาสสองปีนี้เพิ่มขึ้นมากถึง 30.60% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน แต่กลับแนะให้ซื้อหุ้นบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ทั้งที่ไตรมาสนี้กำไรติดลบมากถึง 15%


หลายคนที่รู้เดียงสาไม่มากในเรื่องเกมของตลาดหุ้นและราคาหุ้น ตั้งคำถามเชิงสงสัยว่า เหตุใดนักวิเคราะห์หุ้นส่วนใหญ่ จึงแนะนำให้ขายหุ้นของ บริษัท วี จี ไอโกลบอลมีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ทั้งที่มีกำไรไตรมาสสองปีนี้เพิ่มขึ้นมากถึง 30.60% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน แต่กลับแนะให้ซื้อหุ้นบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ทั้งที่ไตรมาสนี้กำไรติดลบมากถึง 15%

งานนี้ เกิดรายการ “เลือกปฏิบัติ” หรือ“กินยาผิดซอง” หรือคิดแบบเลวร้ายสุดคือ “ผลประโยชน์ทับซ้อน” … อะไรรึป่าว

มองค้นเข้าไปในงบการเงิน จะเห็นและสรุปได้ว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่ …นอกจากหน่อไม้แหลมๆ ในฤดูฝน

นักวิเคราะห์ที่มีสติปัญญาที่ไหน หากไม่เพราะบ๊องๆบวมๆ มากเกินขนาด จะต้องมองไปข้างหน้า เอาอนาคตของกิจการเป็นตัวตั้ง โดยมีปัจจุบันและอดีตเป็นฐาน เพราะมองเห็นว่าอนาคตสำคัญกว่าเสมอ แต่ต้องไม่ยอมให้อดีตมาครอบงำปัจจุบันและอนาคตก็เท่านั้น

เหตุผลเบื้องหลังที่นักวิเคราะห์ชี้แนะให้ขาย VGI ถึงขั้นมองข้ามตัวเลขกำไรสุทธิที่สวยงาม เพราะว่าโดยข้อเท็จจริงมันเป็น“มายาของตัวเลข” เนื่องจากกำไรปกติลดลง แต่มีกำไรพิเศษมาแทนที่ 

กำไรปกติย่ำแย่ สะท้อนฝีมือผู้บริหารที่ปวกเปียกเป็นมะเขือเผา ส่วนกำไรพิเศษไม่ยั่งยืน

ที่ร้ายกว่านั้น กำไรรวมของVGI ถือว่าต่ำกว่าคาด โดยก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ที่ไปเยี่ยมชมผู้บริหารของ VGI ประเมินว่า กำไรจากการดำเนินงานจะโต 36% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน และโต 54% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ปรากฏว่าออกมาจริงเทียบกับปีก่อนโตแค่ 5% และติดลบ 6% เทียบไตรมาสก่อนหน้า 

เหตุผลที่กำไรปกติย่ำแย่กว่าคาดเพราะ 2 ปัจจัยหลัก คือ 1) การโฆษณาบนรถไฟฟ้า (78% ของรายได้) อยู่ที่ 429 ล้านบาท ต่ำกว่าคาด ติดลบ โดยผู้ประกอบการยังคงปรับลดงบในการโฆษณาลง 7.7% YoY  และการใช้จ่ายส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มออนไลน์ 2) แม้รายได้จากการโฆษณาภายในอาคารอยู่ที่ 121 ล้านบาท จะดีมากเพราะบวก 16% จากการขยายฐานสื่อโฆษณาไปยังสื่อโฆษณากลางแจ้ง ผ่านการลงทุนเพิ่มเติม 12.46% แต่ถือว่ายังไม่สามารถเป็นรายได้หลักได้ดีพอ เพราะว่าสื่อโฆษณาบนบีทีเอส ยังคงมีสัดส่วนของรายได้อยู่ที่ 78% ของรายได้ทั้งหมด

รายได้หลักลด รายได้ใหม่เพิ่ม แต่ยังไม่มากพอ จะเรียกว่าอนาคตสวย คงไม่ได้

ที่สำคัญ VGI กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านผู้บริหารจากคนเดิมนายมารุต อรรถไกวัลวที รองประธานกรรมการ และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เป็นนายสุรเชษฐ์ บำรุงสุข ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา อะไรก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง แถมการลงทุนใหม่อย่าง บริษัท Multi Sign ผู้มีความเชี่ยวชาญในการบริหารสื่อกลางแจ้งทั่วประเทศจำนวน 862 ป้าย ก็ยังต้องรอผลตอบแทนรูปธรรมเสียก่อนว่าจะทำรายได้และกำไรตามเป้าหรือไม่ในข้างหน้า

ราคาหุ้นที่ซื้อขายระดับปัจจุบัน 5.70 บาท ที่ พี/อี 40 เท่า ถือว่าแพงเกิน จึงแนะขาย

 ใครจะไม่เชื่อก็เป็นสิทธิ์ ใครจะเชื่อ ก็เป็นสิทธิ์อีก…. ไม่มีใครเอาปืนจ่อหัวให้เคาะคีย์บอร์ดส่งคำสั่งซื้อ แล้วก็ไม่มีใครพูดบอกมาร์เก็ตติ้งแทนได้อีก

ตรงกันข้าม คู่แข่งรายสำคัญอย่าง PLANB ที่ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2 อยู่ที่ 112 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน 15% ไม่ถือว่าเลวร้าย แต่ดีกว่าคาดเพราะว่า เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาบวกเพิ่มมากถึง 84%

ตัวเลขอย่างหลังนี่แหละ ทำให้เกิดมุมมองใหม่ว่า อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาด มาจากการขายสื่อใหม่ๆ ที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าเพิ่มขึ้น ทำรายได้ไตรมาสล่าสุดนี้อยู่ที่ 607 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8% และเพิ่มจากไตรมาสก่อน 10%  เนื่องจากการขยายสื่อใหม่ๆ เพิ่มขึ้นและมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยมีอัตราการใช้สื่อโฆษณา (Utilization rate) ทุกสื่ออยู่ที่แค่ 59% จากสภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกที่ชะลอ 

สถานการณ์อย่างนี้เรียกว่าเลยจุดต่ำสุดมาแล้วหรือได้เวลาของ breaking out 

จะไม่เรียกได้อย่างไร เพราะหากย้อนมองกลับไปนับแต่วันที่ 21 มิถุนายน ที่จู่ๆ ก็มีเจ้ากรมข่าวลือทำการทุบราคาหุ้น PLANB จนมีอาการเป็นนกปีกหัก 5 วันทำการรวด ด้วยเกม “เจ๊กกระซิบ” ที่ไร้ต้นตอว่า ผู้บริหารใหญ่อย่าง นายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ซีอีโอสำคัญของบริษัท ขายหุ้นทิ้งไปนอนเกาหน้าแข้งเล่นแล้ว หลังจากที่มีนักวิเคราะห์หลายสำนักประเมินว่า ในไตรมาส 2 ปีนี้ คาด PLANB จะมีกำไรลดลงเหลืออยู่ที่ 82 ล้านบาท  ลดลง 37% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกปีนี้ 36%  2Q16F อยู่ที่ 82 ล้านบาท จากการประเมินว่ารายได้ไตรมาส 2 จะอยู่ที่ระดับ 637 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14% และจากไตรมาสก่อน 15%

งานนั้นทำเอาเจ้าสัวหนุ่มอย่างนายปรินทร์  และนายพินิจสรณ์ ลือชัยขจรพันธ์ กรรมการผู้จัดการ ต้องหอบเอาเงินสดในกระเป๋าออกมาซื้อหุ้นเก็บหลายสิบล้านบาท เพื่อ“โชว์ป๋า”ว่า ยังไม่ได้ไปไหน และ… เดินหน้ารวยต่อไปยิ่งขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีสตอรี่ที่น่าสนใจเพิ่มเติมอีก คือ การมีรายได้เพิ่มจากการบริหารสิทธิประโยชน์ของสมาคมฟุตบอลฯนาน 3 ปี และแนวโน้มธุรกิจ Out of home media เติบโตต่อเนื่อง ทำให้ครึ่งหลังดูดีโดดเด่นเป็นพิเศษ ทำให้อัพไซด์ของ “มวยรอง” อย่าง PLANB ยังคงเดินหน้าหายใจรดต้นคอของเดี่ยวมือหนึ่งอย่าง VGI ที่ยังหันรีหันขวางต่อไป…ไม่มีลด ละ เลิก

อย่างขี้หมูขี้หมา กำไรสุทธิสิ้นปีนี้ของ PLANB ต้องไม่ต่ำกว่า 419 ล้านบาท และปีหน้าก็คาดว่าจะโตกระโดดไปอีกที่ 574 ล้านบาท … ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมแนะให้ซื้อ โดยให้เป้าสิ้นปี 6.50 บาท เทียบราคาล่าสุด5.90 บาท ถือว่าอัพไซด์ 10% 

สถานการณ์ตลาดหุ้นยามนี้ ใครบอกว่าอัพไซด์น้อยเกิน ก็บ้าแล้วล่ะ…????

รากฐานและกระบวนทัศน์ต่างกันของสำนักวิเคราะห์ และพื้นฐานยักษ์ใหญ่ที่หันรีหันขวางกันอนาคตและกำลังอยู่ในช่วงเวลา“เปลี่ยนม้ากลางลำธาร” กับยักษ์เล็กที่พร้อมท้าชิง รวมถึง“ราคาลดลงมากเกินมูลค่าพื้นฐาน..”  ทำท่าฮึกเหิมยิ่งกว่าไมค์ ไทสัน ยามรุ่งถึงขีดสุด จึงมีด้วยประการฉะนี้

ทราบแล้วเปลี่ยน 

ส่วนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ…. ทางใครทางมัน ละกัน

 

Back to top button