ดาวโจนส์ปิดลบ หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพร่วงนำ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดาวโจนส์ทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ ภายหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่ดีเกินคาด อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เพราะตลาดได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานฟื้นตัวขึ้นด้วย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (8 ส.ค.) ที่ 18,529.29 จุด ลดลง 14.24 จุด หรือ 0.08%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,213.14 จุด ลดลง 7.98 จุด หรือ 0.15% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,180.89 จุด ลดลง 1.98 จุด, -0.09%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 190 จุดเมื่อวันศุกร์ ภายหลังจากกระทรวงแรงงานเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 255,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. โดยตัวเลขดังกล่าวดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค.
หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพร่วงลง นำโดยหุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ ร่วงลง 4.7% หลังจากมีรายงานว่า ยา Opdivo ซึ่งเป็นยารักษาโรคมะเร็งของบริษัท ไม่ผ่านการทดสอบสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งในปอด ขณะที่หุ้นอัลเลอร์แกน ผู้ผลิตโบท็อกซ์รายใหญ่ ดิ่งลง 2.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ที่อ่อนแอเกินคาด
หุ้นวอลมาร์ท บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ระดับโลก ปรับตัวลง 0.6% หลังจากมีรายงานว่า วอลมาร์ทบรรลุข้อตกลงซื้อกิจการ Jet.com ธุรกิจจำหน่ายสินค้าปลีกผ่านช่องทางออนไลน์ เป็นเงิน 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายงานระบุว่า ภายหลังการซื้อกิจการเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้ง 2 แบรนด์ได้วางแผนที่จะใช้แบรนด์แยกจากกันต่อไป โดยเว็บไซต์จำหน่ายสินค้าของวอลมาร์ทจะยังคงใช้กลยุทธจำหน่ายสินค้าราคาถูก ส่วน Jet.com จะยังคงเจาะกลุ่มลูกค้าชาวมิลเลนเนียล
หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ปรับตัวลง 0.6% หลังจากมีรายงานว่า เดลต้า แอร์ไลน์ประกาศระงับเที่ยวบินขาออกทั่วโลก เพราะเหตุไฟฟ้าดับในเมืองแอตแลนตาได้ส่งผลกระทบต่อระบบคอมพิวเตอร์ของสายการบินฯ จนส่งผลให้เที่ยวบินทั่วโลกของเดลต้าต้องล่าช้ากว่ากำหนดหรือถูกยกเลิก อย่างไรก็ตาม เดลต้า แอร์ไลน์ ได้เริ่มกลับมาให้บริการเที่ยวบินบางส่วนได้ตามปกติแล้วในช่วงเช้าวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยเที่ยวบินขาออกบางเที่ยวบินได้กลับมาให้บริการได้ตามปกติ ขณะที่อีกหลายเที่ยวบินยังคงล่าช้ากว่ากำหนดหรือถูกยกเลิก
ทั้งนี้ แม้ตลาดปิดในแดนลบ แต่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในกรอบจำกัด เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากมีรายงานว่า กลุ่มประเทศส่งออกน้ำมัน (OPEC) เตรียมจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการในเดือนก.ย.ที่กรุงอัลเจียร์ส ประเทศแอลจีเรีย เพื่อหารือถึงแนวทางการสร้างเสถียรภาพในตลาดน้ำมัน
การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย โดยเอ็กซอนโมบิล พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นเชฟรอน ปรับตัวขึ้น 0.7% หุ้นมาราธอน ออยล์ พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นเทโซโร ปรับขึ้น 3.7% และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 2.5% ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งรวมถึงผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้นไตรมาส 2/2559 และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ค.