WHA ทุ่มงบ 4.3 หมื่นลบ. ขยายธุรกิจตามแผน หวังขึ้นแท่นผู้นำโลจิสติกส์ใน 5 ปี

WHA ทุ่มงบ 4.3 หมื่นลบ. ลุยขยายธุรกิจโลจิสติกส์-อสังหาฯ-นิคมอุตสาหกรรมครบวงจร หวังขึ้นแท่นผู้นำโลจิสติกส์ภายใน 5 ปี คาดปี 63 กลุ่มบริษัทจะมีรายได้-ส่วนแบ่งกำไรสูงเกิน 2.1 หมื่นลบ.


นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า ดับบลิวเอชเอกรุ๊ป ประกาศแผนขยายธุรกิจ 5 ปี (59-63) ด้วยงบลงทุน 4.3 หมื่นล้านบาท รองรับเป้าหมายของบริษัทในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ อสังหาริมทรัพย์และนิคมอุตสาหกรรมแบบครบวงจรในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ด้วยแผนธุรกิจ 5 ปี ที่ดับบลิวเอชเอกรุ๊ปจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนทั้งในประเทศไทยและภูมิภาค และคาดว่าในราวปี 63 ทั้งกลุ่มจะมีรายได้และส่วนแบ่งกำไรสูงเกิน 2.1 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้หลังจากที่ได้มีการควบรวมกิจการกับ บริษัทเหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ HEMRAJ ไปแล้ว WHA เริ่มเดินหน้าขยายการลงทุนธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ อาทิ อินโดนีเซีย เวียดนาม พม่า กัมพูชา และมาเลเซีย ในประเทศไทย โดยมองเห็นโอกาสที่ดีและสำคัญอย่างยิ่งจากโครงการของรัฐบาลที่จะพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor–EEC) ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง

สำหรับแผนงานระยะ 5 ปี กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์จะลงทุนเพิ่มเติมอีก 1.4 หมื่นล้านบาท ทั้งในและต่างประเทศ โดยในตลาดต่างประเทศ วางแผนที่จะขยายพื้นที่บริการราว 10% ภายในระยะเวลา 5 ปีในอินโดนีเชีย และประเทศต่างๆ อาทิ เวียดนาม และต่อไป อาจจะเป็นพม่า มาเลเซีย และกัมพูชา

รวมทั้งปัจจุบัน กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ของดับบลิวเอชเอมีพื้นที่คลังสินค้าโลจิสติกส์แบบ Built-to-Suit โรงงานและคลังสินค้าสำเร็จรูป รวม 2.2 ล้านตารางเมตร และในอีก 5 ปีข้างหน้า คาดว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3 ล้านตารางเมตรในประเทศไทย และประมาณ 300,000 ตารางเมตรในต่างประเทศ

ด้านกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมวางแผนลงทุนเพิ่มอีก 1.4 หมื่นล้านบาทเพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมใหม่อีก 2 แห่งในอีสเทิร์นซีบอร์ด และอีก 2 แห่งในเวียดนาม ปัจจุบัน WHA มีที่ดินรอพัฒนาอีก 11,000 ไร่ และวางแผนจะซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีกในปี 61

ส่วนกลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคและไฟฟ้าจะทุ่มลงทุน 1.1 หมื่นล้านบาท โดย WHA จะมีสัดส่วนการถือครองกำลังการผลิตไฟฟ้าในปี 2562 รวมทั้งสิ้น 538 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทยังมีแผนจะพัฒนาโครงการพลังงานจากขยะร่วมกับพันธมิตร และมองหาโอกาสที่จะลงทุนใหม่ๆ ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเวียดนาม

รวมทั้ง กลุ่มธุรกิจดิจิทัล แพลตฟอร์มมีแผนลงทุนกว่า 4 พันล้านบาท โดยมีโครงการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ 3-5 แห่ง ในช่วงปี 59-63 โดยศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ 2 แห่งแรกจะพร้อมเปิดให้บริการช่วงปลายปี 59 ส่วนแห่งที่ 3 คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการได้ในช่วงต้นปี 61 ตามด้วยอีก 2 โครงการภายในปี 65 ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณย่านพระราม 2 และวังน้อย

ทั้งนี้ บริษัทยังไม่มีแผนเพิ่มทุนแม้ต้องใช้งบลงทุนในอีก 5 ปีข้างหน้าถึง 4.3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทตั้งเป้าที่จะขายสินทรัพย์เข้ากองทุนไม่ต่ำกว่า 4 พันล้านบาท/ปี แต่ในปีนี้อาจจะมีการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนสูงถึง 1.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีสินทรัพย์ที่มาจาก HEMRAJ เข้ามาเพิ่มเติมราว 8 พันล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมจากสถาบันทางการเงิน และการออกหุ้นกู้ในปีนี้จนถึงปี 60 มูลค่าราว 7 พันล้านบาท ในขณะเดียวกันบริษัทฯตั้งเป้าที่จะรักษาระดับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ในปี 5 ปีข้างหน้า หรือปี 63 จะอยู่ที่ราว 1 เท่า จากสิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ราว 1.8-1.9 เท่า

ทั้งนี้ หลังจากระดับ D/E กลับมาอยู่ที่ระดับ 1 เท่าแล้ว คาดว่าจะทำให้ระดับอันดับความน่าเชื่อถือของ WHA ขึ้นไปอยู่ที่ -A ไปจนถึง A จากปัจจุบัน BB+ ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนทางการเงินในการระดมทุนปรับลดลงมาจากเดิมถึง 0.5-1%

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนจ่ายปันผลจากผลประกอบการปี 59 เป็นเงินสด หลังบริษัทสามารถคืนเงินกู้ธนาคารทั้งหมด 3.4 หมื่นล้านบาทที่เป็นส่วนหนึ่งของการซื้อกิจการ HEMRAJ

Back to top button