บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผลกองทุน K-VALUE อัตรา 0.30 บ./หน่วย กำหนดจ่าย 11 ส.ค.นี้
บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผลกองทุน K-VALUE อัตรา 0.30 บ./หน่วย กำหนดจ่าย 11 ส.ค.นี้
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด หรือ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนกองทุนเปิดเค หุ้นปันผล (K-VALUE) ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 – 31 กรกฎาคม โดยกองทุนดังกล่าวจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น. ของวันที่ 1 สิงหาคม 2559 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 11 สิงหาคม 2559 นี้
ด้านผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นที่มีการจ่ายปันผลในครั้งนี้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยประวัติการจ่ายปันผลของกองทุน K-VALUE ซึ่งเมื่อรวมการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ด้วย นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมีการจ่ายเงินปันผลแล้วทั้งสิ้น 20 ครั้ง รวมเป็นอัตรา 8.70 บาทต่อหน่วย ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 20.07% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 17.15%
สำหรับมุมมองด้านการลงทุนและเศรษฐกิจภายในประเทศ จากตัวเลขคาดการณ์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินการเติบโตของจีดีพีปี 2559 ที่ระดับ 3% โดยในครึ่งปีหลังคาดว่าจะได้แรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตัวเลขหนี้ครัวเรือนเริ่มทรงตัวอยู่ในระดับมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งปัจจัยบวกที่กล่าวมาจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ ประกอบกับผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค. อย่างไม่เป็นทางการ เห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญเป็นจำนวนถึง 61.4% เปรียบเทียบกับไม่รับร่างที่ 38.6% โดยมีจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ทั้งหมด 55% ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งประเทศที่ 50.3 ล้านคน ส่งผลบวกต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ลดลง
ด้านปัจจัยต่างประเทศ ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯน่าจะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปอย่างน้อยในช่วงเดือนธันวาคมปีนี้ ช่วยคลายความกังวลต่อนักลงทุน และส่งผลดีในแง่เงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าในตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียรวมถึงตลาดหุ้นไทย ประกอบกับสภาพคล่องในระบบที่ยังมีอยู่สูงจากการดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินของธนาคารกลางของประเทศแกนหลักต่างๆ อาทิ ญี่ปุ่นและยุโรป อย่างไรก็ตาม หากตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และอาจสร้างความผันผวนในตลาดได้ และทางบลจ.กสิกรไทยคาดว่าลักษณะการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นไปแบบช้าๆ ซึ่งไม่น่าเป็นกังวลมากนัก