ดอลล์อ่อนค่าจากแรงเทขายทำกำไร
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 ส.ค.) เนื่องจากแรงเทขายทำกำไร หลังจากที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 4 วันติดต่อกัน
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (9 ส.ค.) อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 101.81 เยน จากระดับ 102.44 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9819 ฟรังก์ จากระดับ 0.9827 ฟรังก์ ขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3143 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3163 ดอลลาร์แคนาดา
ส่วนค่าเงินเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1111 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1084 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์ลดลงแตะระดับ 1.2996 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3041 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะ 0.7664 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7655 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากการเทขายทำกำไร หลังจากที่พุ่งขึ้นเกือบ 1.4% แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในการซื้อขายในช่วง 4 วันที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากกระแสการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้ ก่อนหน้านี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 255,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่ง
ส่วนเงินปอนด์ยังคงอ่อนค่าลง หลังจากเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางอังกฤษระบุว่า ธนาคารกลางอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หลังจากที่ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางอังกฤษได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับเพิ่มวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีก 6 หมื่นล้านปอนด์
ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อเป็นสัญญาณบ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค. ในวันศุกร์นี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย