เช็คด่วน! 20 หุ้นดิ่งในรอบ 7 เดือนมองเป็นโอกาสเก็บของดี-ราคาถูก

เช็คด่วน! 20 หุ้นดิ่งในรอบ 7 เดือน มองเป็นโอกาสเก็บของดี-ราคาถูก นำโดย SOLAR,TASCO,KC,TCC,JWD,SMT,PRINC,BLA,CSS,ORI,ACC,ABC,THCOM, SORKON,TRC, MAX, PRANDA, PLANB, NUSA และ SPORT


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ SET ช่วง 7 เดือนแรกปี 59 โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.58-29 ก.ค. 59  โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ราคาปรับตัวลดลงเกิน 20% เท่านั้น สำหรับหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 20 ตัว ประกอบด้วย SOLAR, TASCO, KC, TCC, JWD,PRINC, BLA, CSS, ORI, ACC, ABC, THCOM, SORKON, TRC, MAX, PRANDA,TNPF,PLANB, NUSA และ SPORT

 

หลักทรัพย์ 29-ก.ค.-59 30-ธ.ค.-58 เปลี่ยนแปลง
บาท %
SOLAR 4.94 9.90 -4.96 -50.10
TASCO 26.50 40.50 -14.00 -34.57
KC 1.51 2.12 -0.61 -28.77
TCC 1.10 1.51 -0.41 -27.15
JWD 9.85 13.47 -3.62 -26.87
PRINC 2.68 3.62 -0.94 -25.97
BLA 41.25 55.50 -14.25 -25.68
CSS 3.60 4.78 -1.18 -24.69
ORI 10.10 13.40 -3.30 -24.63
ACC 0.76 1.00 -0.24 -24.00
ABC 0.35 0.46 -0.11 -23.91
THCOM 22.10 29.00 -6.90 -23.79
SORKON 62.75 82.25 -19.50 -23.71
TRC 1.52 1.97 -0.45 -22.84
MAX 0.17 0.22 -0.05 -22.73
PRANDA 3.84 4.92 -1.08 -21.95
TNPF 3.80 4.84 -1.04 -21.49
PLANB 5.65 7.10 -1.45 -20.42
NUSA 0.51 0.64 -0.13 -20.31
SPORT 1.61 2.02 -0.41 -20.30


อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าปีนี้จะพลิกมีกำไรสุทธิ จากที่ขาดทุนสุทธิราว 60 ล้านบาทในปีที่แล้ว หลังตั้งเป้าหมายปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 1,600-2,000 ล้านบาท  อีกทั้งปัจจุบันมีปริมาณงานในมือ (Backlog) ที่เซ็นสัญญาไปแล้วมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,787 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตจะมีงานใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นรวมถึงมียอดขายแผงโซลาร์เซลล์ ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัท
โดยอันดับ
1 บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR
ราคาช่วง 7 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 50.10 % จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 9.90 บาท  ลบ 4.96 บาท มาอยู่ที่ 4.94 บาท ณ วันที่ 29 ก.ค. 59 ราคาหุ้นอ่อนตัวมีปัจจัยกระทบหลายด้าน ทั้งในเรื่องผลการดำเนินที่ไม่สดใส เห็นได้จากบริษัทขาดทุนไตรมาส 1/59 และมีการแก้ไขงบจากขาดทุนหลักล้านเป็นขาดทุนหลักแสน ขณะเดียวกันผู้ถือหุ้นใหญ่เทขายหุ้นออกมา ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นและเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงดังกล่าว 

อันดับ 2บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน)หรือ TASCO ราคาช่วง 7 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 34.57% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 40.50 บาท  ลบ 14.00 บาท มาอยู่ที่ 26.50 บาท ณ วันที่ 29 ก.ค. 59  ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงเนื่องจากหุ้นปรับตัวขึ้นสูง ประกอบกับราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตยางมะตอย ทำให้นักลงทุนทยอยขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง  

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า TASCO ได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันต่ำในปัจจุบัน แม้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ 40-45 เหรียญฯ ต่อบาร์เรลต่อช่วงที่เหลือของปีนี้ก็ตาม(แนะซื้อราคาเป้าหมาย 33.5 บาท) 

บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า  MSCI รอบนี้ จับตาหุ้นมีโอกาสถูกเพิ่มเข้าคำนวณ เช่น BJC TASCO พิจารณาจากปริมาณการซื้อขาย และมูลค่าตลาดที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ตรงนี้ก็น่าจะหนุนให้หุ้นฟื้นตัวอีกครั้ง      

อันดับ 3 บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KC ราคาช่วง 7 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 28.77% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 2.12บาท  ลบ  0.61บาท มาอยู่ที่ 1.51 บาท ณ วันที่ 29 ก.ค.59 สำหรับหุ้นรายนี้ถือเป็นหุ้นเก็งกำไรที่นักลงทุนชอบเข้ามาไล่ราคา เนื่องจากหุ้นมีราคาถูก อย่างไรก็ตามในยามที่หุ้นขึ้นแรงก็มีโอกาสที่หุ้นจะลงแรงด้วยเช่นกัน เนื่องจากหุ้นไม่พื้นฐานรองรับที่แข็งแกร่ง จึงไม่น่าแปลกใจที่หุ้นรายนี้ปรับตัวลงแรงในช่วง 7 เดือน ที่ผ่านมา

อันดับ 4บริษัท ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TCC ราคาช่วง 7 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 27.15% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 1.51บาท  ลบ  0.41บาท มาอยู่ที่ 1.10 บาท ณ วันที่ 29 ก.ค.59 สำหรับหุ้นรายนี้ถือเป็นหุ้นเก็งกำไรที่นักลงทุนชอบเข้ามาไล่ราคาในยามที่หุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น แต่ในยามที่ภาวะตลาดไม่สดใสหุ้นกลุ่มนี้ก็จะถูกขายหนัก เนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกหนุน การเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงจะเกิดกับหุ้นเก็งกำไรเป็นอันดับแรก จึงไม่น่าแปลกใจที่หุ้นรายนี้จะปรับตัวลงแรง

อันดับ 5  บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)  หรือ JWD ราคาช่วง 7 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 26.87% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 13.47บาท  ลบ  3.62บาท มาอยู่ที่ 9.85บาท ณ วันที่ 30 มิ.ย. 59  เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรหลังหุ้นขึ้นไปมาก อีกทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 รายขาย Biglot ให้กองทุนรวม 40,081,000 หุ้น หรือ 6.68% ประกอบกับช่วงดังกล่าวขึ้นเครื่องหมาย XD (4 พ.ค.) เพื่อจ่ายปันผลเป็นหุ้นและเงินสด  โดยจ่ายเป็นเงินสด 0.0388888889 บาท/หุ้น และเป็นหุ้น 10 : 7 ทำให้ราคาหุ้นรูดหนัก และมีแรงขายออกมาตลอดช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทตั้งเป้าผลงานปี 59-61 เติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 7% จากที่ประเมินผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังเริ่มฟื้นตัวได้ดี หลังชูแผนลดต้นทุนและปรับกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ พร้อมเดินหน้าเปิดให้บริการศูนย์กระจายสินค้าเคมีภัณฑ์ภายในท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมขยายการลงทุนคลังสินค้าในกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามอย่างต่อเนื่อง  

ทั้งนี้แม้ราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวจะอ่อนตัวลงหนัก หากมองอีกด้านหนึ่งหุ้นกลุ่มนี้ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงได้เช่นกัน เพราะเมื่อดูแผนการดำเนินงานหุ้นกลุ่มนี้ก็ยังมีลุ้นฟื้นตัว อีกทั้งพื้นฐานบางตัวก็ยังแข็งแกร่ง การหาจังหวะเข้าสะสมหุ้นถูกช่วงนี้ก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดีก็เป็นได้

 

*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน 

Back to top button