เรื่องนี้ต้องเม้าท์!โมนิก้าและทีมงาน
*ประเด็นของข่าวสารที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้มี “หลากเรื่อง หลากอารมณ์ หลากรสชาติ” ซึ่งแต่ละเรื่องก็ส่งผลต่อ “ผู้ชม ผู้ฟัง ผู้ดู” แตกต่างกันไป ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า คนนั้นยืนอยู่ในฝั่งใคร? แต่สำหรับตัว “โมนิก้า” ขอเรียนตามตรงว่า ไม่ได้ยืนฝั่งของใครทั้งสิ้น เพราะสิ่งที่ทำในแต่ละวัน มันเป็นเรื่องที่ทำให้นักลงทุนรายย่อยล้วนๆ จึงไม่ต้องกลัวว่า เดี๊ยนจะไปเหยียบตาปลาใครเข้านะคะ
*ประเด็นของข่าวสารที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้มี “หลากเรื่อง หลากอารมณ์ หลากรสชาติ” ซึ่งแต่ละเรื่องก็ส่งผลต่อ “ผู้ชม ผู้ฟัง ผู้ดู” แตกต่างกันไป ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า คนนั้นยืนอยู่ในฝั่งใคร? แต่สำหรับตัว “โมนิก้า” ขอเรียนตามตรงว่า ไม่ได้ยืนฝั่งของใครทั้งสิ้น เพราะสิ่งที่ทำในแต่ละวัน มันเป็นเรื่องที่ทำให้นักลงทุนรายย่อยล้วนๆ จึงไม่ต้องกลัวว่า เดี๊ยนจะไปเหยียบตาปลาใครเข้านะคะ
*โดยเรื่องแรกที่อยากเม้าท์แบบสุดๆ ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับไฮโซโลว์คอสต์อย่างคุณน้อง “ม่านฟ้า” ซึ่งออกมาสวนหมัดใส่หน่วยงาน ก.ล.ต. อย่างรวดเร็วนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นหนังเรื่องยาวที่ทำให้ผู้คนหันมาสนใจประเด็นดังกล่าวอย่างล้นหลาม เพราะมันหมายความถึงความเฉียบขาดของหน่วยงานนี้มีขนาดไหน? แถมยังเป็นการวัดกึ๋นของทั้ง 2 ฝ่ายว่า ใครแม่นกฎหมายมากกว่ากันอีกด้วยนะจ๊ะ
*ที่สำคัญคือข้อมูลเมื่อวันก่อนออกไปในทางชวนคนมาลงทุนซื้อหุ้น เพื่อได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงิน พอวานนี้กลับบอกกับสังคมว่า สิ่งที่โฆษณาออกไปเป็นการชวนคนมาร่วมทำธุรกิจสบู่ “โมนิก้า” ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก พร้อมกับเกิดอาการเซ็งในอารมณ์ แต่คงทำอะไรได้ไม่มากไปกว่านี้อีกแล้วเพราะมันเกินขอบเขตหน้าที่โทรโข่งประจำตลาดหุ้นน่ะสิ
*ส่วนประเด็นที่เม้าท์ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ “โมนิก้า” ขอย้อนกลับไปที่เรื่องราวของหุ้น BWG เพื่อทำให้แฟนคลับได้เข้าใจมูฟเมนต์ของหุ้นตัวนี้มาด้วยสตอรี่โรงไฟฟ้าขยะ ซึ่งยังไม่รู้ว่า บริษัทนี้จะกินรวบไว้คนเดียว 50 MW ได้เหมือนกับที่มีการประโคมข่าวหรือเปล่า? จึงไม่ควรลุยซื้อหุ้นแบบสุดซอย ยิ่งเห็นหุ้นพุ่งขึ้นไปถึงระดับ 2.44 บาท สุดท้ายอ่อนตัวลงมาปิดที่ 2.28 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 2.60% ด้วยมูลค่า 1.42 พันล้านบาท โดยไซเคิลของหุ้นยังโค้งตัวลงแบบนี้..รอเด้งแล้วค่อยตามดีกว่านะจ๊ะ
*เหมือนกับในรายของ DTAC ซึ่งเดี๊ยนเม้าท์ให้ฟังเมื่อวันก่อนว่า อาจเป็นอาการแมวชักกระตุกก่อนตายนั้น! วันนี้ยังคงยืนยันคำเดิม เพราะอาการที่หุ้นเด้งขึ้นมาปิด 35.75 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไป 8.30% ด้วยมูลค่า 2.38 พันล้านบาท มันเป็นแพทเทิร์นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่วิ่งขึ้นแรงๆ แถมเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น 2 ครั้งในรอบ 5 เดือนแบบนี้..เที่ยวนี้ก็คงไม่ต่างกันหรอกค่ะ
*สำหรับในรายของ CPF หากดูตามท้องเรื่องที่เกิดขึ้นในรอบ 2 เดือนครึ่ง วงรอบของหุ้นยังอยู่ในกรอบ 26-30 บาทเหมือนเดิมทุกประการ ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 29.75 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 3.50% ด้วยมูลค่า 1.92 พันล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ “โมนิก้า” ต้องออกมาย้ำหมุดว่า คนเล่นต้องรู้จักกำหนดกรอบขายทำกำไร เพื่อให้ตัวเองขยับตัวได้ง่ายขึ้นพะยะค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ SCN ที่กระชากขึ้นมาปิดที่ 8.45 บาท บวกไป 0.65 บาท หรือขึ้นไป 8.30% ด้วยมูลค่า 390 ล้านบาท หลังจากกำไรในไตรมาส 2 โตกว่าก่อนนั้น มันเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างดีกับคนที่เข้ามาเล่นก่อนหน้านี้ ส่วนคนที่เพิ่งเข้าไปรับของอีกทอดหนึ่ง มันเป็นจังหวะที่ต้องลุ้นตัวโก่งกันเลยทีเดียว แถมค่า P/E ก็อยู่ที่ระดับ 40 เท่าแบบนี้..หากวันนี้หุ้นยังปรับตัวขึ้นต่อ ขายเอากำไรมานอนกอดดีกว่ามั้ง!
*ส่วนในรายของ GFPT กระชากขึ้นมาปิดที่ 13.90 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 7% ด้วยมูลค่า 514 ล้านบาท มันเป็นผลมาจากกำไรในไตรมาส 2 โตเท่าตัว หุ้นถึงกระชากผ่านแนวต้าน 13 บาทได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับแสดงเจตนารมณ์จะเดินทางขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 16 บาท “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับกระโจนตามขบวนรถด่วนเที่ยวนี้ในทันที เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า หุ้นไก่มาดีกันทุกตัวนะซี
*อีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังขึ้นหม้อสุดๆ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่เถ้าแก่น้อย TKN หลังกำไรในไตรมาส 2 โตเกิน 100% และกำไรในครึ่งปีแรกโตกว่า 170% วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 23.40 บาท บวกไป 1.60 บาท หรือขึ้นไป 7.30% ด้วยมูลค่า 699 ล้านบาท โดยทุกคนมองว่า กำไรในครึ่งปีหลังจะออกมาเริ่ดสะแมนแต๋นสุดๆ หุ้นจึงมีโอกาสทำ all time mew high นะจะบอกให้
*น่าแปลกใจสุดๆ คงเป็นในรายของ QTC กระชากขึ้นมาปิดที่ 16.20 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 3.85% ด้วยมูลค่า 115 ล้านบาท ทั้งที่ผลการดำเนินงานขาดทุนตัวแดงโร่ “โมนิก้า” มองเป็นเกมของขาใหญ่คอยคอนโทรลหุ้นมากกว่าขึ้นด้วยพื้นฐาน เพราะลำพังโปรเจ็กต์ที่คาดจะได้หลายร้อยล้านบาทนั้น มันเป็นการซื้ออนาคตที่ยาวนานเกินไปมั้ง..งานนี้ถึงบอกได้แค่ว่า ใครชอบก็เล่น ใครไม่ชอบก็ถอย เจ้าค่ะ
*ตบท้ายที่อาการของดัชนีแกว่งตัวไปมาทั้งวัน ก่อนจะลงเอยด้วยการปิดที่ 1,548.13 จุด ลบไป 0.08 จุด ด้วยมูลค่า 6.77 หมื่นล้านบาท โดยฝรั่งหัวทองยังซื้อหนักเหมือนเดิม มันเป็นการตอกย้ำว่า ดัชนีจะแกว่งตัวหาฐานอีกระยะหนึ่ง ก่อนจะเลือกทางเดินว่า “ขึ้น” หรือ “ลง”..ในระหว่างนี้ถึงต้องเทรดสั้นๆ ไปก่อนนะคะ