TSTH มั่นใจปริมาณขายงวดปี 60 โต 8-10% แตะ 1.2 ล้านตัน

TSTH มั่นใจปริมาณขายงวดปี 60 (เม.ย.59-มี.ค.60) โต 8-10% มาที่ 1.2 ล้านตัน ตามเป้า หลังโครงการลงทุนภาครัฐหนุน ตั้งงบงวดปี 60 จำนวน 350-400 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิต-ซื้อที่ดินโรงงานที่สระบุรี


นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TSTH เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจปริมาณขายงวดปี 60 (เม.ย.59-มี.ค.60) จะเติบโต 8-10% มาเป็น 1.2 ล้านตันได้ตามเป้าหมาย จากปีก่อนที่มีปริมาณขาย 1.14 ล้านตัน

“โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ จะเป็นกุญแจสำคัญในการกระตุ้นความต้องการใช้เหล็กในประเทศไทย ซึ่งต้องการการผลักดันของภาครัฐอย่างมาก เพื่อให้โครงการต่างๆ เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด” กรรมการผู้จัดการใหญ่ TSTH กล่าว

ทั้งนี้โครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐจะทำให้ตลาดโดยรวมของเหล็กเส้น เติบโต 3-5% จากปีก่อน โดยในส่วนของ TSTH มีกำลังการผลิตเหล็กเส้น 1 ล้านตัน จากกำลังการผลิตทั้งหมด 1.7 ล้านตัน ส่วนเหล็กลวด มีกำลังการผลิต 6 แสนตัน และเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ อีก 1 แสนตัน 

ขณะที่คาดว่าใน 2-3 ปี จะยังไม่มีแผนขยายกำลังการผลิตเหล็กเส้น แต่ต้องดูว่าจะมีการใช้เหล็กเส้นในประเทศมากขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ดี ขณะนี้บริษัทเริ่มขยายกำลังการผลิตเหล็กตัดและดัดเพิ่มเท่าตัวเป็น 7 พันตัน/เดือน จาก 3.5 พันตัน/เดือน ของ บมจ.เอ็น.ที.เอส.สตีลกรุ๊ป (NTS) คาดจะแล้วเสร็จในมี.ค.60  โดยมีงบลงทุน 75 ล้านบาท

นอกจากนี้ ในงวดปี 60 TSTH ตั้งงบลงทุนวงเงิน 350-400 ล้านบาท นอกจากนำไปขยายกำลังการผลิตแล้ว ยังแบ่งไปซื้อที่ดินโรงงานที่สระบุรี เนื้อที่ราว 300 ไร่ ของบริษัท เหล็กสนาม (2001) จำกัด โดยเพิ่งรับสิทธิการส่งเสริมการลงทุนปีก่อน จึงทำให้บริษัทสามารถซื้อเป็นเจ้าของได้แทนการเช่า นอกจากนี้ลงทุนอัพเกรดระบบไอที เพื่อใช้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

“ในเดือนส.ค.นี้ บริษัทจะชำระหนี้งวดสุดท้ายจำนวน 100 ล้านบาท จากหนี้สินระยะยาวที่มีกว่า 5 พันล้านบาท เมื่อจ่ายครบแล้ว บริษัทจะมีความยืดหยุ่นในการใช้เงินลงทุนจากที่มีกระแสดงินสดเข้ามามากขึ้น และจะลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าปลายน้ำ” นายราจีฟ กล่าว

สำหรับรายได้นั้นยอมรับว่าคาดการณ์ยาก เพราะราคาเหล็กผันผวน แต่แนวโน้มราคาเหล็กเพิ่มสูงขึ้นจากราคาวัตถุดิบเช่น เศษเหล็กมีราคาสูงขึ้น และความต้องการใช้เหล็กมากขึ้นจากโครงการลงทุนของรัฐด้านโครงสร้างพื้นฐาน แม้ว่าราคาอาจปรับตัวลงในฤดูฝน โดยราคาขายเฉลี่ยของบริษัทขณะนี้อยู่ที่ 14,200-14,500 บาท/ตัน ซึ่งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/60 (เม.ย.-มิ.ย.59) TSTH มีปริมาณขายอยู่ที่ 300,700 ตัน เพิ่มขึ้น 11% จากงวดไตรมาส 1/59 ที่มีปริมาณขาย 270,500 ตัน ทั้งนี้ เป็นเหล็กเส้นรวมเหล็กตัดและดัด อยู่ที่ 198,600 ตัน เหล็กลวด อยู่ที่ 26,900 ตัน และส่งออก 28,600 ตัน

โดยปีนี้บริษัทมีเป้าหมายจะส่งออก จำนวน 1.2 แสนตัน หรือสัดส่วน 10% ของยอดขาย โดยมีตลาดอินเดียเป็นตลาดใหญ่ และมีลาว กัมพูชา เวียดนาม ออสเตรเลีย นอกจากนี้ เตรียมจะส่งออกไปตลาดใหม่ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมา ซึ่งจะเน้นส่งออกเหล็กลวด อย่างไรก็ตาม คงไม่ทันในปีนี้ เพราะยังเจรจาลูกค้า ซัพพลายเออร์ รวมทั้งอยู่ระหว่างขออนุมัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์ แต่ยังไม่มีแนวคิดลงทุนในประเทศเหล่านี้ เพราะซัพพลายในตลาดโลกยังเกินอยู่มากจากประเทศจีนซึ่งได้ดัมพ์ราคาส่งออกมามาก โดยบริษัทเน้นส่งออกเหล็กลวดเพื่อชดเชยกับตลาดที่จีนดัมพ์ราคาในไทย ส่วนเหล็กเส้นเชื่อว่าการบริโภคในประเทศดีอยู่

 

Back to top button