PLAT ศึกษาลงทุนทำเลใหม่-เล็งร่วมทุนพัฒนาอสังหาฯ-จัดตั้งกอง REIT

PLAT ศึกษาลงทุนทำเลใหม่ย่านถนนเพชรบุรี-เล็งร่วมทุนพัฒนาอสังหาฯเพื่อขาย-จัดตั้งกอง REIT


นายชาญชัย พันธุ์โสภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PLAT เปิดเผยว่า กำไรของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะทำสถิติสูงสุด โดยมีแนวโน้มนี้จะเติบได้เป็นตัวเลขสองหลัก หลังจากครึ่งปีแรกกำไรเติบโต 15% มาอยู่ที่ 344 ล้านบาท

โดยแนวโน้มการเติบโตของกำไรในปีนี้มาจากรายได้ที่เติบโตขึ้นในระดับสองหลัก หลังจากบริษัทปรับขึ้นค่าเช่าพื้นที่บางส่วนของ เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ในครึ่งปีแรกเฉลี่ยที่ 4% และครึ่งปีหลังจะมีการปรับขึ้นค่าเช่าเฉลี่ยบางพื้นที่เพิ่มอีก 6-8% ซึ่งจะทำให้เฉลี่ยทั้งปีนี้บริษัทมีการปรับเพิ่มค่าเช่าพื้นที่เฉลี่ย 5% ซี่งส่งผลทำให้รายได้ค่าเช่าพื้นที่ของบริษัทเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าอยู่ที่ 65%

นอกจากนี้ รายได้ของธุรกิจโรงแรมในปีนี้ยังมีแนวโน้มที่เติบโตมากขึ้น หลังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงหรือความไม่สงบเกิดขึ้น ทำให้อัตราการเข้าพัก (OCC) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือน ก.ค.และ ส.ค.อัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 92-95% จากปีก่อนอยู่ที่ 85-86% ประกอบกับ อัตราค่าห้องพักเฉลี่ย (ARR) ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเป็น 3,150 บาท/ห้อง/คืนในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา จากปีก่อนที่ 3,080 บาท/ห้อง/คืน ทำให้รายได้ของธุรกิจโรงแรมของบริษัทสูงขึ้นตามไปด้วย โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 15-20%

อีกทั้ง การควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้แนวโน้มของกำไรเพิ่มขึ้น และบริษัทอยุ่ระหว่างการวางแผนในการปรับปรุงพื้นที่เช่าของเดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ในช่วงไตรมาส 4/59 เพื่อทำให้การใช้สอยพื้นที่เกิดความคุ้มค่าและสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ มีผู้เช่าพื้นที่ทั้งหมดกว่า 3,000 ร้านค้า หรือคิดเป็น 99.7% ของพื้นที่ทั้งหมด 27,000 ตารางเมตร

นายชาญชัย กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรจะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาส 2/59 เนื่องจากธุรกิจโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ แพลทินัม ประตูน้ำ เป็นปัจจัยสนับสนุนหลักในการสร้างผลงานให้เพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันสถานการณ์ต่าง ๆ โดยรวมอยู่ภาวะปกติ ทำให้มีจำนวนนักนักท่องเที่ยวเข้ามาพักมากขึ้น ซึ่งต่างจากไตรมาส 3 ของปีก่อนที่มีเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์

สำหรับความคืบหน้าของการก่อสร้างโครงการ เดอะมาร์เก็ต มูลค่า 5.8 พันล้านบาท งานด้านการเจาะเสาเข็มอาคารได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการใต้ดิน และภายในเดือน ส.ค.นี้จะประกวดราคาคัดเลือกผู้รับเหมางานก่อสร้างอาคาร คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในต้นปี 60 โดยใช้งบลงทุนราว 3 พันล้านบาท และจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดดำเนินการได้ภายในไตรมาส 4/61

หลังจากโครงการเดอะ มาร์เก็ต เปิดดำเนินการแล้วและมีรายได้เข้ามาเต็มปีในปี 62 จะทำให้รายได้ของบริษัทมาอยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท เนื่องจากพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นเป็น 70,000 ตารางเมตร จากปัจจุบัน 27,000 ตารางเมตร โดยบริษัทจะเปิดให้จองพื้นที่ของโครงการเดอะ มาร์เก็ต เฟสแรกในไตรมาส 4/59 ราคาค่าเช่าขั้นต่ำอยู่ที่ 2,000 บาท/ตารางเมตร/เดือน

ส่วนการลงทุนในธุรกิจโรงแรม บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมยื่นขอใบอนุญาตวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโรงแรมที่สมุย จำนวน 350 ห้อง นอกจากนี้ ยังมองหาโอกาสในการลงทุนในทำเลใหม่ ๆ ในกรุงเทพฯ โดยอยู่ระหว่างการหาที่ดินและการศึกษาลงทุนโครงการศูนย์ค้าปลีกแห่งใหม่ย่านถนนเพชรบุรี

รวมทั้งบริษัทยังสนใจลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ซึ่งอาจจะต้องร่วมทุนกับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและการขายที่อยู่อาศัย ประกอบกับสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายในปัจจุบันผู้ประกอบการรายใหญ่มีส่วนแบ่งการตลาดค่อนข้างมากและมีการแข่งขันรุนแรง ซึ่งการลงทุนในเรื่องที่อยู่อาศัยอาจจะต้องใช้ระยะเวลาอีกสักระยะ

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำสินทรัพย์ของบริษัทจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ในอนาคต แต่ปัจจุบันบริษัทยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องการใช้เงินมากนัก เนื่องจากมีกระแสเงินสดในมืออยู่ที่ 6 พันล้านบาท และมีความสามารถในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้อีกมาก โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ในปัจจุบันอยู่ที่ 0.17 เท่า และเงินลงทุนในช่วง 5 ปี (59-63) ที่บริษัทวางไว้ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสดของบริษัท และมีการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินบางส่วน

Back to top button