เปิดงบ Q2 อลังการงานสร้าง!7 หุ้นกำไรโตสนั่นเกิน 500%

เปิดงบโค้ง2! อลังการงานสร้้าง พบ 7 หุ้นกำไรโตสนั่นเกิน 500% นำโดย AJD,SENA,MK,TPCH,IFEC,MILL และ CNT มองแผนธุรกิจเด่น กำไรโตต่อเนื่อง ชี้ราคาไม่แพงลงทุนได้ไม่ผิดหวัง


ผ่านพ้นฤดูกาลประกาศงบไตรมาส 2/59 บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ตลาดหลักทรัพย์ SET ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยส่วนใหญ่พบว่ามีผลกำไรสดใส และที่สำคัญบางบริษัทยังทำผลงานได้อย่างโดดเด่นและพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง

ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงขอนำเสนอบริษัทจดทะเบียนที่ทำกำไรเติบโตโดดเด่นใน SET โดยคัดเลือกเฉพาะบริษัทที่ทำกำไรเติบโตเกิน 500% ซึ่งครั้งนี้พบว่ามีหุ้น 7 ตัว ที่เข้าเกณฑ์การคัดเลือกดังกล่าว นำโดย AJD, SENA, MK, TPCH, IFEC, MILL และ CNT

หลักทรัพย์ กำไร Q2/59 กำไร Q2/58 เปลี่ยนแปลง
ล้านบาท ล้านบาท ล้านบาท %
AJD  126.59 7.00 119.59 1,708.37
SENA  403.65 35.39 368.27 1,040.65
MK 46.41 5.07 41.34 815.38
TPCH 50.17 5.55 44.62 803.96
IFEC  562.09 88.12 473.97 537.87
MILL  295.06 48.03 247.04 514.36
CNT  44.11 7.29 36.82 504.77

  

โดย อันดับ 1 บริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ AJD รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 126.59 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.032 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 1706.31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.00 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.002 บาทต่อหุ้น

สำหรับผลการดำเนินงานมีกำไรเพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้ขาย-บริการที่เพิ่มมาก ซึ่งเป็นของ บริษัทย่อย (บจก.เวนดิ้ง คอร์ปอเรชั่น ) ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายตู้เติมเงินออนไลน์อีกทั้งการบริหารต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ

ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 205.62 ล้านบาท หรือ 0.052 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 1089.55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 17.29 ล้านบาท หรือ 0.006 บาทต่อหุ้น

บริษัทตั้งเป้ายอดขายตู้เติมเงิน เอเจเติมสบาย ในปีนี้ไว้ที่ 50,000 เครื่อง ซึ่งปัจจุบันมียอดขายกว่า 20,000 เครื่องแล้ว โดยบริษัทฯจะรุกทำการตลาดและสร้างการรับรู้แบรนด์ให้มากขึ้น ซึ่งมั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 10-15 จากปีก่อน

 

อันดับ 2 บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.58 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 403.65 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.354 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 1041% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 35.39 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.0454 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ และรายได้กลุ่มธุรกิจโซลาร์เพิ่มขึ้น

ส่วนผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 555.60 ล้านบาท หรือ 0.4873 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 401% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 110.81 ล้านบาท หรือ 0.1421 บาทต่อหุ้น

นอกจากนี้ได้ประกาศจ่ายปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 59 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2559 เป็นเงินสดจำนวน 0.19463 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ไม่ได้รับสิทธิปันผลในวันที่  23 ส.ค. 59 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 ก.ย. 59

สำหรับครึ่งหลังปีนี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่ารายได้ปีนี้จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวม 3,500 ล้านบาท และยอดขายอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท

                

อันดับ 3 บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 46.41 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.05 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 814% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.08 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.01 บาทต่อหุ้น  โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวมีกำไรเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น

ส่วนผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 140.82 ล้านบาท หรือ 0.14 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 296% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 35.59 ล้านบาท หรือ 0.04 บาทต่อหุ้น

 

อันดับ 4 บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 50.17 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.13 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 804% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.55 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.01บาทต่อหุ้น โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวมีกำไรเพิ่มเนื่องจากบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 81.46 ล้านบาท หรือ 0.20 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 1,080% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6.90 ล้านบาท หรือ 0.02 บาทต่อหุ้น

บริษัทฯมั่นใจปีนี้รายได้โต200% โดยได้รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนจาก Adder เป็น Feed in Tariff ของโรงไฟฟ้าช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ ซึ่งส่งผลให้กำไรเติบโตอย่างโดดเด่น ส่วนโรงไฟฟ้า ทุ่งสัง กรีน เพาเวอร์ ปัจจุบันการก่อสร้างมีความคืบหน้าไปมากแล้วจึงคาดว่าจะสามารถเดินเครื่องจ่ายไฟให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในปริมาณรับซื้อไม่เกิน 9.2 เมกะวัตต์ ได้ภายในไตรมาส 3/2559 ซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการเติบโตในทิศทางที่ดีและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอีกด้วย

 

อันดับ 5 บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 562.09 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.2833 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 538% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 88.12 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.0501 บาทต่อหุ้น โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวมีกำไรเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการให้บริการบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น

ส่วนผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 418.36 ล้านบาท หรือ 0.2109 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 164% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 158.64 ล้านบาท หรือ 0.0934 บาทต่อหุ้น

 

อันดับ 6  บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 295.06  ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.08 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 514% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 48.03 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.01 บาทต่อหุ้น โดยผลการดำเนินงานไตรมาสดังกล่าวมีกำไรเพิ่มขึ้นเนื่องจาก บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น

ส่วนผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ  634.64 ล้านบาท หรือ 0.18 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น  257% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ  177.73 ล้านบาท หรือ  0.05 บาทต่อหุ้น

 

อันดับ 7 บริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CNT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 44.11 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.044 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 505% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.29 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.007 บาทต่อหุ้น โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวมีกำไรเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทบริหารจัดการโครงการก่อสร้างได้ดีขึ้น-ต้นทุนงานก่อสร้างลดลง

ส่วนผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 37.00 ล้านบาท หรือ 0.037 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 366% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.95 ล้านบาท หรือ 0.008 บาทต่อหุ้น 

หากสังเกตหุ้นที่ทำกำไรได้โดดเด่นดังกล่าวส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นขนาดเล็ก และราคาไม่แพง ดังนั้นหากนักลงทุนกำลังมองหาหุ้นดีราคาถูกไว้ลงทุนก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะดูตัวเลขผลกำไรที่ออกมาส่วนใหญ่มาจากการดำเนินธุรกิจหลัก ขณะเดียวกันยังมีแผนงานรองรับที่โดดเด่น ตรงนี้ก็น่าจะทำให้การลงทุนในอนาคตสดใสอย่างแน่นอน  

Back to top button