ทรงเดิม..แบบเดิมโมนิก้าและทีมงาน

*หลังจากดัชนีพยายามเกาะแนวเส้น 10 วันมาระยะหนึ่ง ในที่สุดก็ได้โอกาสกระชากขึ้นอย่างร้อนแรง จนมาปิดที่ระดับ 1,547.55 จุด บวกไป 7.49 จุด ด้วยมูลค่า 6 หมื่นล้านบาท พร้อมกับเปิดโอกาสให้ดัชนีทะยานขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,550 จุดอีกรอบ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ เพราะการขยับของดัชนีในเที่ยวนี้มันหมายถึงท่าทีของนักลงทุนกลุ่มต่างๆ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ


*หลังจากดัชนีพยายามเกาะแนวเส้น 10 วันมาระยะหนึ่ง ในที่สุดก็ได้โอกาสกระชากขึ้นอย่างร้อนแรง จนมาปิดที่ระดับ 1,547.55 จุด บวกไป 7.49 จุด ด้วยมูลค่า 6 หมื่นล้านบาท พร้อมกับเปิดโอกาสให้ดัชนีทะยานขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,550 จุดอีกรอบ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ เพราะการขยับของดัชนีในเที่ยวนี้มันหมายถึงท่าทีของนักลงทุนกลุ่มต่างๆ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ

*เนื่องจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้มันฟ้องว่า กองทุนตัวแสบขายหุ้นทำกำไรอย่างสบายใจเฉิบ จู่ๆ กลับเข้ามาซื้อหุ้นเข้าพอร์ต 1.50 พันล้านบาท โดยที่ฝรั่งตาน้ำข้าวยังคงเก็บหุ้นต่อไปอีก 1.40 พันล้านบาท ส่วนปอบผีฟ้าก็ซื้อหุ้นแบบเสียไม่ได้เป็นจำนวน 75 ล้านบาท “โมนิก้า” ถึงมองเรื่องนี้เป็นทั้ง “โอกาส” และ “อุปสรรค” สำหรับคนที่ชอบโหนกระแสนะจะบอกให้

*ฉะนั้นการที่บรรยากาศการลงทุนกลับมาคึกคัก ทั้งที่กำลังรอตัวเลขบางอย่างมาซัพพอร์ต มันเหมือนเป็นการชิงไหวชิงพริบของเหล่านักเล่น ซึ่งเป็นเกมที่น่าติดตามชมทุกช็อตแบบนี้ “โมนิก้า” ถึงขอย้ำหัวหมุดตัวเดิมว่า ใครชอบแบบไหน..ก็เล่นแบบนั้นไปก่อน เพราะจังหวะนี้ไม่มีเวลาไปลงลึกในรายละเอียดปลีกย่อยที่เกิดขึ้น หลังทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ฟื้นตัวแล้วพะยะค่ะ

*โดยเฉพาะในรายของของ KBANK และ SCB  เด้งขึ้นมาปิดที่ 198 บาท บวกไป 2 บาท ด้วยมูลค่า 2.60 พันล้านบาท ส่วนรายหลังเด้งขึ้นมาปิดที่ 158.50 บาท บวกไป 1.50 บาท ด้วยมูลค่า 2.30 พันล้านบาท  “โมนิก้า” ขอถามหน่อยเถอะ! หากกองทุนตัวแสบไม่เข้ามาเก็บหุ้น พ่อทูนหัวสองตัวนี้จะมีโอกาสผงกหัวขึ้นได้เหรอ? วันนี้ถึงต้องมานั่งถามถึงจุดยืนของผู้เล่นที่กระโจนเข้ามาใหม่ว่า ไวพอที่จะทำกำไรไหม?.. “อิอิอิ”

*งานนี้ไม่ต้องการชักใบให้เรือเสีย แต่อยากบอกเล่าถึงประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับ IFEC ซึ่งทุกคนต่างรู้ดีว่า บริษัทเริ่มดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม แต่หุ้นกลับโดนสาดเหมือนกับคนที่ไม่เคยมีเยื่อใยให้แก่กัน จนล่าสุดหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 6.70 บาท ลบไป 0.05 บาท ด้วยมูลค่า 700 พันล้านบาท มันสามารถมองเป้าเบื้องต้น 7 บาทได้หรือเปล่า? มันเป็นเรื่องที่ต้องคิด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนทำให้รู้ว่า มีคนตัดขายหุ้นออกมาเยอะมากนะจะบอกให้

*อีกหนึ่งเครื่องเตือนใจก็คือ BIG ถูกกระหน่ำเทขายหุ้นอย่างไม่ลดละ ทั้งที่สถานการณ์หลายอย่างดีขึ้นอย่างช้าๆ “โมนิก้า” ถึงค่อนข้างงุนงงว่า ทำไมหุ้นตัวนี้โดนจัดหนักเหลือเกิน จากหุ้นที่เคยยืดหยัดที่ 5.30 บาท วานนี้กลับโดนกดลงมาอยู่ที่ 4.84 บาท ลบไป 0.36 บาท หรือลงไป 7% มันกลายเป็นปัญหาที่แมงเม่าต้องไปขบคิดกันเอาเองว่า จุดเด้งกลับตรงบริเวณ 4.72 บาทเอาอยู่ไหม? หากเอาไม่อยู่จริงๆ จุดเด้งกลับที่ 2 ตรงบริเวณ 4.10 บาทน่าสนหรือเปล่า? มันเป็นเกมที่ต้องคิดทั้งสิ้นเจ้าคะ

*ถ้าตัวอย่างดังกล่าวยังไม่ชัดเจน “โมนิก้า” ขอแนะนำให้แฟนคลับย้อนกลับไปมอง BA เพื่อทำให้ทุกคนหลุดจากภวังค์เสียที เพราะของมันเห็นกันมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า นี่คือการพลิกตัวครั้งสำคัญ! ปัจจัยพื้นฐานถูกตั้งอยู่บนความคาดหวัง และยังมีคนคอยเติมหัวเชื้อให้ดูน่าเชื่อถือเป็นระยะ วานนี้ถึงเห็นหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 25.25 บาท บวกไป 0.45 บาท ด้วยมูลค่า 735 ล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่ต้องกังวลหรือเปล่า..พวกกองทุนตัวแสบเขารู้ดี!

*แม้บางรายจะออกอาการเป๋ไปบ้าง แต่สำหรับเจ้าโปรเจ็กต์อย่าง TACC กลับสามารถกระชากขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีข่าวดีๆ ออกมาให้มิตรรักแฟนเพลงได้เห็นเป็นระยะ และวานนี้ก็เป็นอีกวันที่หุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ 8.45 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 7.60% ด้วยมูลค่า 145 ล้านบาท มันเป็นการส่งสัญญาณให้นักเล่นได้รู้ว่า “พูดจริง ทำจริง”  จึงกลายเป็นตัวเลือกที่ขาลุยเข้ามาเล่นกันอย่างคึกคักไงล่ะค่ะ

*เหมือนกับในรายของ ALT หากมองในมุมของกิมมิคที่มีออกมาเป็นระลอก “โมนิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ที่ขาประจำรับรู้กันอย่างกว้างขวางว่า วงรอบของหุ้นยังวนเวียนไปมาอยู่ที่ 7.50-8.50  บาท ขณะที่วานนี้หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 8.20 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่า 194 ล้านบาท มันเป็นภาพสะท้อนความกระเหี้ยนกระหือรือของการเล่นรอบในตัวของมันเองอยู่แล้ว ไปต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับแรงซื้อวันนี้แล้วล่ะค่ะ

*อ้อ..เกือบลืมเม้าท์ถึง KOOL  เพราะเกาะกระแสโตต่อเนื่องได้อย่างเด็ดสะระตี่ ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 6.55 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 22.50%  ด้วยมูลค่า 670 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่นักโหนกระแสพยายามปลุกปั้นขึ้นมาเล่น ส่วนจะไปได้ไกลแค่ไหน คงขึ้นอยู่กับแรงซื้อจากบรรดาผู้เล่นในตลาดจะให้แวลูสูงขนาดไหน?  จึงต้องเผื่อใจไว้ว่า หุ้นใกล้จะถึงจุดอิ่มตัวด้วยนะคะ

*ที่สำคัญคือ วันนี้รูปแบบการเล่นในช่วงตลาดหุ้นผันผวนยังไม่มีอะไรแปลกใหม่ จึงไม่มีความจำเป็นต้องทุ่มเงินหมดหน้าตักไปกับหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง เพราะสิ่งที่เห็นวานนี้มันเป็น “ภาพเดิม มุมเดิม มิติเดิม กิมมิคเดิม คนเล่นเดิม” นะจ๊ะ

Back to top button