จัดทัพ 4 หุ้นกำไรแจ๋ว! ฉายแวว Outperform
จัดทัพ 4 หุ้นกำไรแจ๋ว! ฉายแวว Outperform
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้รวบรวมบทวิเคราะห์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น (บจ.) ที่ราคาหุ้นมีแนวโน้มจะปรับตัวดีกว่าตลาด (Outperform) อีกทั้งผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยมีทั้งหมด 4 บจ. ดังนี้ CPN, BDMS, AAV และ PTTGC
อันดับที่ 1 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ซึ่งรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 2.29 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.51 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.01 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.45 บาทต่อหุ้น
ขณะที่ล่าสุด CPN ทุ่มงบ 6 หมื่นล้านบาทในการสร้างศูนย์การค้าใหม่ 5 แห่งและปรับโฉมศูนย์การค้าเดิมอีก 5 แห่งในแผนธุรกิจ 3 ปี (59-61) พร้อมตั้งเป้าภายในปี 61 จะมีศูนย์การค้ามากกว่า 34 แห่ง พื้นที่รวมกว่า 8 ล้านตารางเมตร
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ส.ค.) แนะนำซื้อ CPN โดยมีแนวโน้ม “Outperform” หลังผู้บริหาร CPN ประเมินการขยายสาขาหนึ่งแห่งและการปรับปรุงสาขาเสร็จตามแผน จะช่วยหนุนให้ผลประกอบการออกมาดีในปี 59 ซึ่งน่าจะใกล้เคียงตามประมาณการที่ 9.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.5% จากปีก่อน
อย่างไรก็ตามการที่บริษัทเตรียมประกาศเปิดสาขาใหม่เพิ่มจากที่คาดไว้เดิมอีกหนึ่งแห่งในปี 60 และอีกสองแห่งในปี 61 น่าจะช่วยชดเชยผลกระทบจากการปรับปรุงห้างหลักๆของบริษัท อย่างเช่นสาขาเซ็นทรัลเวิล์ดและสาขาพระราม 2 ได้และทำให้แนวโน้มกำไรยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องในอีกสองสามปีข้างหน้า ดังนั้น จากแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทที่ยังคงสดใส จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายปี 59 ที่คำนวณโดยวิธี DCF ที่ 70 บาท
โดยล่าสุดราคาหุ้น CPN ปิดตลาดวานนี้ (25 ส.ค.) ราคาอยู่ที่ 59.50 บาท ลบ 0.25 บาท หรือ 0.42% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.48 พันล้านบาท ยังมี Upside 17.65% จากราคาเป้าหมาย 70 บาท
อันดับที่ 2 บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ซึ่งรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.59 (รวมบริษัทย่อย)มีกำไรสุทธิ 1.67 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.11 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.49 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.10 บาทต่อหุ้น
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ส.ค.) แนะนำซื้อ BDMS โดยมีแนวโน้ม “Outperform” หลังจากที่ได้เข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์เพื่อรับฟังข้อมูลผลประกอบการไตรมาส 2/59เยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มปี 59-60ของบริษัท นพ. ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ CEO ของ BDMS บอกว่าบริษัทจะยังมุ่งเน้นไปที่การสร้างเติบโตระยะยาวในหลายๆ ด้าน (อย่างเช่น ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์, การสร้างความสามารถในการแข่งขันในเอเซีย-แปซิฟิก, การขยายพอร์ตโรงพยาบาลให้ได้ตามเป้า 50 แห่งในอีกสองสามปีข้างหน้า) จากแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่องในอีกสองสามปีข้างหน้า ทำให้ยังคำแนะนำซื้อ และคงราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 25.50 บาท (คำนวณโดยวิธี DCF ใช้ WACC ที่ 8.0% และ terminal growth rate ที่ 3%)
โดยล่าสุดราคาหุ้น BDMS ปิดตลาดวานนี้ (25 ส.ค.) ราคาอยู่ที่ 23 บาท ลบ 0.20 บาท หรือ 0.86% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 836.41 ล้านบาท ยังมี Upside 10.87% จากราคาเป้าหมาย 25.50 บาท
อันดับที่ 3 บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ซึ่งรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 422.50 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.0871 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 105% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 205.93 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.0425 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวมีกำไรเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ต้นทุนเชื้อเพลิงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ส.ค.) แนะนำซื้อ AAV โดยมีแนวโน้ม “Outperform” หลังจากที่ AAV ประกาศผลประกอบการที่น่าประทับใจในครึ่งปีแรกออกมา จึงได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิของ AAV ปี 59-60 เพิ่มขึ้น 34% และ 30% เป็น 2.22 พันล้านบาท (+106% จากปีก่อน) และ 2.57 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน) ตามลำดับ เมื่อมองไปข้างหน้า คาดว่ากำไรของ AAV ในไตรมาส 3/59 ก็น่าจะยังดีขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อนก่อนที่จะเข้าสู่ช่วง high season ในไตรมาส 4/59นอกจากนี้ยังได้ขยับไปใช้ราคาเป้าหมายกลางปี FY17 ที่ 8.38 บาท (อิงจาก P/BV 1.7x) ยังคงแนะนำให้ซื้อ
โดยล่าสุดราคาหุ้น AAV ปิดตลาดวานนี้ (25 ส.ค.) ทรงตัวอยู่ที่ 7.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 571.16 ล้านบาท ยังมี Upside 11.73% จากราคาเป้าหมาย 8.38 บาท
อันดับที่ 4 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ซึ่งรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 4.92 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 1.10 บาทต่อหุ้น ลดลง 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8.97 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 1.99 บาทต่อหุ้น
โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวที่ลดลง เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายลดลง และต้นทุนของวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ส.ค.) แนะนำซื้อ PTTGC โดยมีแนวโน้ม “Outperform” เมื่อวานนี้ PTTGC แจ้งตลาดว่า เมื่อเวลา 2.45 น. วันที่ 22 สิงหาคม 2559 ได้เกิดเพลิงไหม้ถังเก็บน้ำเสียสำหรับระบบบำบัดน้ำเสียของบริษัท PTT Phenol จำกัด แม้ว่าเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นจะทำให้ต้องปิดโรงงาน Phenol หน่วยที่ 1 ทันที แต่ก็กลับมาเดินเครื่องใหม่แล้ว ที่อัตราการใช้กำลังการผลิตที่ต่ำกว่าระดับปกติ ดังนั้น จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบกับประมาณการกำไรปี 59 นอกจากนี้ PTTGC ยังแจ้งว่าบริษัทได้อนุมัติให้ขายหุ้นที่ซื้อคืนมา 48.55 ล้านหุ้นกลับเข้าไปในตลาดคิดเป็น 1.1% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว โดยจะเริ่มขายตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 59 ไปจนถึงวันที่ 7 มีนาคม62 โดยเชื่อว่าราคาหุ้นจะถูกกดดันจากสองเหตุการณ์นี้ แต่ยังคงแนะนำให้ซื้อ และคงราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 71 บาท จาก PE spread ที่ยังสูงเกิน US$700/ton และกำไรไตรมาส 3/59 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน
โดยล่าสุดราคาหุ้น PTTGC ปิดตลาดวานนี้ (25 ส.ค.) ทรงตัวอยู่ที่ 61 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 824.44 ล้านบาท ยังมี Upside 16.39% จากราคาเป้าหมาย 71 บาท