หาจังหวะเก็บของช่วง SET อ่อนตัวส่อง 7 หุ้นร้อน เน้นได้ผลดีดอลล์แข็ง

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยยังมีความเสี่ยงต่อการพักฐาน ขณะที่การปรับลงของดัชนีรอบนี้เป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสมเล่นรอบระยะสั้น แนะนำหุ้นที่ได้รับผลดีจากการแข็งค่าของดอลล่าร์ เช่นกลุ่มส่งออก และกลุ่มที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ลดลง ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารมีความเสี่ยงโดนขายทำกำไรหลังปรับขึ้นแรงเมื่อวันศุกร์


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.63 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง หลังนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล เมื่อวันศุกร์ว่า ปัจจัยต่างๆที่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้เพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นโตเกียวดีดตัวขึ้นโดยได้แรงหนุนจากเงินเยนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยยังมีความเสี่ยงต่อการพักฐาน ขณะที่การปรับลงของดัชนีรอบนี้เป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสมเล่นรอบระยะสั้น แนะนำหุ้นที่ได้รับผลดีจากการแข็งค่าของดอลล่าร์ เช่นกลุ่มส่งออก และกลุ่มที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ลดลง ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารมีความเสี่ยงโดนขายทำกำไรหลังปรับขึ้นแรงเมื่อวันศุกร์ หุ้นเด่นเลือก KCE-CPF-BA-IRPC-AAV-EPG และ TWPC

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ส.ค.) ว่า ถ้อยแถลง Janet Yellen สุดสัปดาห์แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้เพิ่มขึ้น (Hawkish) ส่งผลให้อัตราผลตอบแทน US Bond Yield 10 ปีปรับสูงขึ้นเหนือ 1.6% และ Implied Fed Fund Futures แสดงให้เห็นถึงโอกาสทีจะมีการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.เพิ่มเป็น 65% จากช่วงปลายสัปดาห์ก่อนที่ 57% ยังมีความกังวลต่อการ “พักฐาน” ต่อ เนื่องจาก 1) Bond Yield ที่ปรับสูงขึ้นกดดัน Earnings Yield Gap ปัจจุบันที่ 3.8% ต่ำกว่า 4% ที่เป็นค่าเฉลี่ย 2010-2016 และ 2) การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ฯ จะกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และกลุ่มพลังงาน

พอร์ตหลักยัง “จำกัด” พอร์ต มอง Bond Yield ที่ปรับสูงขึ้นจะเป็นปัจจัยกดดัน SET ช่วงนี้ แต่แนะนำ “Selective” กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลดีจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ฯ ส่งผลให้ 1) ค่าเงินบาทอ่อนค่า หนุนกลุ่มส่งออก “ซื้อ” KCE CPF และ 2) ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับลดลง โดยเฉพาะน้ำมัน “ซื้อ” BA IRPC และ “เก็งกำไร” AAV EPG

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ส.ค.) คาด SET วันนี้ปรับตัวลดลง โดยประธานเฟดกล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันศุกร์ชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวได้ดีและดอกเบี้ยสหรัฐฯ น่าจะค่อยๆ ปรับขึ้น แต่ไม่ได้ระบุช่วงเวลาชัดเจน อย่างไรก็ตาม รองประธานเฟดและผู้ว่าเฟดเซ็นหลุยส์ให้สัมภาษณ์ว่า ก.ย.เป็นเดือนที่เหมาะสมในการขึ้นดอกเบี้ย ความเห็นต่างๆ ดังกล่าวได้ผลักดันดัชนีเงินดอลล่าร์ฯ เมื่อวันศุกร์ และน่าจะชะลอฟันด์โฟลว์ลง

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ส.ค.) คาด SET น่าจะผันผวนตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งน้ำหนักตลาดจะอยู่ที่คำพูดของนางเยลเลนที่เธอเห็นว่าความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของตลาดแรงงาน แนวโน้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ทำให้เธอเชื่อว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดมีโอกาสมากขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ซึ่งเฟดจะมีการประชุมปีนี้อีก 3 ครั้ง คือ ก.ย. พ.ย. และ ธ.ค.

และหากพิจารณาจากการสำรวจของ CME group พบว่าโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นเป็น 36% จาก 21% เมื่อครั้งก่อน และในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 61% จาก 54% เมื่อครั้งก่อน หากยึดตามนโยบายเฟดปีนี้จะปรับขึ้น 2 ครั้ง ดังนั้นหากไม่ปรับขึ้นเดือนก.ย. อาจปรับขึ้นได้แค่ครั้งเดียวในเดือนธ.ค. ซึ่งโดยสรุปแล้วก็ยังเป็นไปตามที่ตลาดคาด ดังนั้นการปรับลงของดัชนีตลาดหุ้นรอบนี้ก็จะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสมเล่นรอบระยะสั้นได้ ยังเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่อิงกับการบริโภคเป็นหลัก วันนี้หุ้นกลุ่มธนาคารมีโอกาสถูกขายทำกำไรหลังปรับขึ้นแรงเมื่อวันศุกร์

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: Selective BUY

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: TWPC (คาดกำไร 3Q16 จะออกมาดีกว่าคาดจากราคาวัตถุดิบ (มันสำปะหลัง) ร่วง)

Back to top button