เช็คสุขภาพ “หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล” ครึ่งปีหลังเชียร์ 2 หุ้นเด่น-อัพไซด์สูงวิ่งทะลุปรอทแตก!

เช็คสุขภาพ “หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล” ครึ่งปีหลัง เชียร์ 2 หุ้นเด่น-อัพไซด์สูงวิ่งทะลุปรอทแตก!


“หุ้นกลุ่มการแพทย์” ได้เวลาเข้าลงทุนอีกรอบ ภายหลังการเปิดเผยข้อมูลของเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้พบว่า การลงทุนในกลุ่มกิจการผลิตผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์มีการยื่นขอรับส่งเสริมลงทุนมากถึง 5,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 252% จากช่วงเดียวกันปีอยู่ที่ประมาณ 1,450 ล้านบาท

นั้นสะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจการแพทย์ยังเติบโตได้อีกในระยะยาว และมีความเสี่ยงขาลงน้อยกว่ากลุ่มอื่นในช่วงเศรษฐกิจขาลงที่สำคัญถือเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมบริการทางการแพทย์ ให้เสอดคล้องกับนโยบายของรัฐที่จะมุ่งไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ (Medical Hub) ในภูมิภาคอาเซียน ตรงนี้หุ้นกลุ่มการแพทย์น่าจะกลับมาวิ่งร้อนแรงอีกครั้ง เนื่องจากอัพไซด์แต่ละตัวค่อนข้างสูง และผลงานครึ่งปีหลังโดดเด่นมาก

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า “กลุ่มการแพทย์” แนวโน้มครึ่งหลังปีนี้คาดกำไรรวม (+10%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน+8% เทียบครึ่งปีแรก) เติบโตเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบครึ่งปีแรกมีปัจจัยบวกปัจจัยฤดูกาลต่อจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รพ.ขนาดกลางที่ให้บริการประกันสังคมจะมีรายได้ส่วนเพิ่มจากประกันสังคม (รายได้ส่วน RW น้อยกว่า 2) ตามประมาณการคาดว่าในครึ่งปีหลังกำไรของ

BDMS (+11%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน+10% เทียบครึ่งปีแรก) และ VIBHA (+10%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน+66% เทียบครึ่งปีแรก) เติบโตเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและเทียบครึ่งปีแรกเด่นกว่ากลุ่มฯ เนื่องจากจาก BDMS มีจำนวนรพ.และผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นประกอบกับผลการดำเนินงานดีขึ้นของรพ.ใหม่ (สิ้นปี 59คาดว่ารพ.กรุงเทพพิษณุโลกและรพ.กรุงเทพเชียงใหม่จะมี EBITDA เป็นบวก) และค่าใช้จ่ายการเงินลดลง 

ส่วน VIBHA คาดกำไรฟื้นตัวสูงเทียบครึ่งปีแรก จากปัจจัยบวกไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่ม JCI เหมือนในครึ่งปีแรก และรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเครือรพ.วิภารามลดลงจากครึ่งปีแรกจากการฟื้นตัวของรพ.วิภารามอมตะคาดว่ามีลูกค้าประกันสังคมใช้บริการเพิ่ม 

แนวโน้มไตรมาส 3/59 คาดกลุ่มรพ. ที่ศึกษาจะมีกำไรรวม (+10% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน+23% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) มีปัจจัยบวกจากรายได้เติบโตตามผู้ใช้บริการจากผลบวกฤดูกาลรวมทั้งมี Revenue intensity เพิ่มขึ้นและเทศกาลรอมฎอนสิ้นสุดส่งผลให้ Gross margin และ EBITDA margin ดีขึ้น เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และฟื้นตัว เทียบไตรมาสก่อนหน้า 

คาด BCH จะมีกำไร (+22% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน +12% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) เติบโตเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนสูงกว่ากลุ่มฯเนื่องจากผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นทั้งกลุ่มเงินสดและประกันสังคมประกอบกับผลบวกจากการปรับขึ้นราคา 5-10% รวมทั้งคาดว่าจะรับรู้รายได้ส่วนเพิ่มจากประกันสังคมที่เลื่อนจากไตรมาส 2/59หากเทียบไตรมาสก่อนหน้า

คาดกำไร BDMS (+11%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน+33% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) และกำไร VIBHA (+4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน +44% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) จะฟื้นตัวดีกว่ากลุ่มโดย BDMS มีปัจจัยบวกจากรายได้เติบโตตามผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น และผลการดำเนินงานของรพ.ใหม่ดีขึ้น 

ส่วน VIBHA คาดรายได้เติบโตตามผู้ใช้บริการกลุ่มเงินสดและประกันสังคมและผลต่อเนื่องจากการปรับขึ้นราคา 8-10% สำหรับ BH คาดกำไร (+7%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน+5% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) เนื่องจากการใช้บริการของลูกค้าต่างชาติมีแนวโน้มติดลบลดลงจากครึ่งปีแรก และมีผลของ intensity เติบโตต่อเนื่อง 

ด้าน CHG คาดว่ากำไร (+11%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน+16% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) จากรายได้กลับมาเติบโตตามผู้ใช้บริการกลุ่มเงินสดและประกันสังคมเพิ่มขึ้นขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายจะไม่เร่งตัวขึ้นเหมือนในไตรมาส 2/59 

ปรับกำไรรวมปี 59-61 ของกลุ่มฯลงจากเดิมเฉลี่ย -3% ต่อปีสะท้อนประมาณการใหม่ของ BH, CHG และ VIBHA โดยปี 59 คาดธุรกิจปกติมีกำไรรวม 13,963 ล้านบาท (+8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน)

คาดว่า BCH จะมีกำไร (+27% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) เติบโตสูงสุดในกลุ่มฯจากการเติบโตของผู้ใช้บริการและรพ.WMC มีผลการดำเนินงานดีขึ้นรองมาเป็น BDMS คาดกำไร (+9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) เติบโตตามฐานผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น และผลการดำเนินงานของรพ.ใหม่เริ่มดีขึ้น 

ส่วน BH และ VIBHA คาดกำไรเติบโต (+5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) ขณะที่ CHG คาดกำไร (+4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) เติบโตน้อยสุดจากผลกระทบต้นทุนเร่งขึ้น ตามการขยายพื้นที่และบุคลากรรองรับการให้บริการในระยะยาว 

สำหรับปี 60 คาดมีกำไรรวม 15,945 ล้านบาท (+14% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) เนื่องจากคาดว่ารพ.ส่วนใหญ่มีกำไรเติบโตสูงขึ้น ตามจำนวนผู้ใช้บริการและผลของEconomy of scale และ Intensity ทำให้ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น 

โดยคาดว่ากำไรของ BCH (+30% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และ VIBHA (+22% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) เติบโตเด่นเป็นอันดับ 1 และ 2 ส่วนรพ.ระดับบน (BDMS, BH) คาดว่า BDMS มีกำไร (+15% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) เติบโตสูงกว่า BH (+8%  เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) เนื่องจากBDMS มีความได้เปรียบจากการเติบโตของฐานลูกค้าชาวไทยและการกระจายตัวของลูกค้าต่างชาติทำให้ BDMS มีรายได้เติบโตกว่า BH

โดยให้น้ำหนักลงทุน BULLISH กลุ่มการแพทย์ เนื่องจากคาดกำไรรวมครึ่งปีหลังมีปัจจัยบวกจากฤดูกาลประกอบกับกลุ่มรพ.ขนาดกลางที่ให้บริการลูกค้าประกันสังคมจะมีรายได้ส่วนเพิ่มจากประกันสังคมทำให้รายได้และ Gross margin เติบโตกว่าครึ่งปีแรก สำหรับปี 60 คาดกำไรรวมเติบโตต่อเนื่อง (+14% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และมีกำไรรวมใน 3 ปีข้างหน้า (ปี 59-61) เติบโตต่อปี +15%CAGR 

สำหรับหุ้นเด่นเลือก BDMS (TP 30 บาท) และ VIBHA (TP 3.70 บาท) เนื่องจากมีศักยภาพการเติบโตจากเครือข่ายรพ. ขนาดใหญ่ทำให้มีผู้ใช้บริการเติบโตต่อเนื่องรวมทั้งมีโอกาสเพิ่มมูลค่าจาก Hidden asset ที่มีอยู่นอกจากนี้ใน 3 ปีข้างหน้าความสามารถในทำกำไรของ BDMS และ VIBHA มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นดีกว่ากลุ่ม 

โดย BDMS เน้นกลยุทธ์เติบโตแบบ Vertical จากการเพิ่ม Center of excellence จาก 9 รพ. เป็น 12 รพ. เพื่อเพิ่มลูกค้าต่างชาติและ margin ส่วน VIBHA มีปัจจัยบวกจากอัตราการใช้เตียงเพิ่มจากปัจจุบัน 62% เป็น 76% ในปี 61จากการเติบโตของผู้ใช้บริการเงินสดและประกันสังคมรวมทั้งคาดจะกลับมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากผลการดำเนินงานบริษัทร่วมในปี 60 เป็นต้นไป

Back to top button