กลุ่มไก่เตรียมโผบินรับ Upside สูงปรี๊ดลุ้นกำไรครึ่งปีหลังทะยาน หลังราคาไก่พุ่ง

กลุ่มไก่เตรียมโผบินรับ Upside สูงปรี๊ด! แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 โตเด่น รายได้ครึ่งปีหลังทะยาน หลังราคาไก่พุ่ง


ได้เวลาคว้าหุ้นกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายไก่หลังราคาไก่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับตัวลงแรง ฟากนักวิเคราะห์มองครึ่งปีหลังยอดขายสดใส แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/59 เติบโตโดดเด่น ด้านราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อเนื่อง ชู Upside สูงเกิน 10%

สำหรับหุ้นกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายไก่ที่นักวิเคราะห์แนะนำได้แก่ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG ,บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF และบริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT

 

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) หุ้นฟาร์มไก่ (TFG, CPF*, GFPT*) ราคาไก่ล่าสุดอยู่ที่ 43 บาท/กก (ปรับตัวขึ้น 22.8% QTD) ขณะที่ต้นทุนอย่างวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับลงแรง (กากถั่วเหลือง ลดลง 12.5% QTD และข้าวโพดลดลง 11.3% QTD) และมีแนวโน้มลงต่อตามราคาน้ำมันดิบ

ขณะที่คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 จะโตเด่น ทั้งจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ทั้งนี้แนะนำ “เก็งกำไร” TFG (เป้า Consensus 5.5 บาท) และ CPF* (เป้าพื้นฐาน 42 บาท) ขณะที่ GFPT (เป้าพื้นฐาน 15.2 บาท) Upside จำกัดแล้ว

ขณะเดียวกัน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้นกลุ่มไก่น่าสนใจแต่ต้องเลือกตัว ผลประกอบการหลักไม่รวมรายการพิเศษของกลุ่มไก่ ทั้ง CPF, GFPT, TFG ในครึ่งปีแรกพลิกเป็นกำไรรวม 7.3 พันล้านบาท จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนที่ขาดทุน 492 ล้านบาทจากราคาไก่ที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น ตรงข้ามกับปีก่อนที่เป็นขาลง สอดคล้องกับราคาหุ้นที่ปรับขึ้นเฉลี่ย 99% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน

ขณะที่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังจะดีขึ้นเพราะราคาไก่น่าจะยืนเหนือ 40 บาท/กก.ได้จนถึงสิ้นปี ขณะที่ราคาวัตถุดิบไม่ได้ขยับขึ้นมากนัก ตลาดส่งออกก็สดใส ญี่ปุ่นและมาเลเซียหันมานำเข้าไก่จากไทยเพิ่ม แทนไก่จากจีนที่มีปัญหาหวัดนก จึงคาดกำไรปกติทั้งปีเติบโต 1,175% จากปีก่อนเป็น 1.6 หมื่นล้านบาท (ครึ่งปีแรกของปี 59 คิดเป็น 46%)

อย่างไรก็ตามคาดว่าปีหน้าโตเพียง 11% จากปีก่อน (CPF เติบโต 11.2%, GFPT เติบโต 10.7%, TFG เติบโต 8.2%) จากโอกาส Oversupply เพราะผู้ผลิตแทบทุกรายเริ่มขยายกำลังการผลิต

ขณะที่ปัจจุบัน PE ปี 60 ของกลุ่มไก่อยู่ที่ 13.6 เท่า ขยับขึ้นจากต้นปีที่อยู่ที่ 7.3 เท่า TFG (ราคาพื้นฐานปีหน้า 4 บาท) เสี่ยงสุดหากเกิด Oversupply เพราะมีสินค้า Value added น้อยมาก โดยชอบ CPF (ราคาพื้นฐานปีหน้า 38 บาท) มากสุด รองลงมา GFPT (ราคาพื้นฐาน 16 บาท)

 

 

บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ ว่าธุรกิจไก่ของ TFG เฟื่องฟู โดยปัจจุบันราคาไก่ปรับขึ้นมาเป็น 43-44 บาท/กก. จากเมื่อช่วงเฉลี่ย 7เดือนแรกของปี 2559 ที่ราคา 36-37 บาท/กก. ปัจจัยหนุนราคาจากแนวโน้มอุปทานไก่ในไตรมาส 3/2559 ลดลง เพราะปู่ย่าพันธุ์ไก่ขาดแคลนจากผู้ส่งออกและผู้บริโภครายใหญ่อย่าง สหรัฐฯและจีน ในขณะที่อุปสงค์การบริโภคเนื้อไก่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง ซึ่งมุมมองของผู้บริหารคาดว่าราคาไก่จะยืนอยู่ในระดับสูงต่อไปจนถึงไตรมาส 4/2559 เป็นอย่างน้อย ขณะที่บริษัทฯมีกลยุทธ์บริหารต้นทุนการเลี้ยงไก่อย่างใกล้ชิด

ด้านธุรกิจสุกรราคาสุกรอยู่ในระดับสูงแต่มีแนวโน้มอ่อนตัวลงเล็กน้อยในช่วงไตรมาส 3/2559 เนื่องจากเทศกาลกินเจ โดยล่าสุดราคาหมูในประเทศ อยู่ที่ราว 66-70 บาท/กก. ส่วนธุรกิจหมูในเวียดนามยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งราคาดีกว่าหมูในประเทศราว 10 บาท/กก.

ทั้งนี้บริษัทได้เพิ่มช่องทางขาย ส่งออก และศึกษาธุรกิจปลายน้ำ หนุนกำไรระยายาว โดยมุ่งลดต้นทุน ควบคุมวัตถุดิบและการปรับเปลี่ยนสูตรอาหารสัตว์ อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนบุคลากร

ขณะที่เพิ่มช่องทางขาย เข้าสู่ระบบ Food Service ได้แก่การขายไก่ให้ ร้านอาหาร (Restaurant Chain) เช่น S&P, Bonchon และครัวการบินไทย เป็นต้น ซึ่งมีเป้าหมายรายได้สิ้นปี 2559 จากช่องทางนี้ราว 100 ล้านบาท และคาดรายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 2,500 ล้านบาท จาก 821 ล้านบาท ในปี 2559 ซึ่งช่องทางขายเหล่านี้มีราคาขายที่สูง โดยที่ต้นทุนการผลิตคงที่ ทำให้หนุนอัตรากำไรเพิ่มขึ้น

ด้านโครงสร้างธุรกิจแข็งแกร่ง ต่อยอดธุรกิจเน้นไปทางปลายน้ำมากขึ้น โรงงานไส้กรอกไก่ เพิ่งเปิดเมื่อเดือน เม.ย. 2559 เพื่อรองรับวัตถุดิบที่เหลือจากการตัดแต่ง และโครงไก่ ซึ่งโดยปกติมีราคาถูก ให้มีอัตรากำไรสูงขึ้น

ทั้งนี้ประเมินราคาเป้าหมายปี 2560 ที่ 6.20 บาท อิงวิธี PER 14 เท่า โดยประมาณการกำไรสุทธิปี 2559 จำนวน 2,054 ล้านบาท และ ปี 2560 จำนวน 2,269 ล้านบาท ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้ามาก และกำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นกำไรที่เกิดจากความสามารถในการบริหารโดยแท้จริง ไม่ใช่กำไรพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียว จึงมีการปรับประมาณการขึ้นจากทุกสถาบัน ปัจจุบันราคาหุ้นยังคงมีความน่าสนใจลงทุนเนื่องจาก (1) Forward PER ต่ำเพียง 10.2 เท่า ซึ่งต่ำกว่าบริษัทที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกัน (2) ROE อยู่ในระดับสูงกว่า 30% ขณะที่ PBV อยู่ที่ 2.9 เท่า (3) ล้างขาดทุนสะสมหมดในปี 2559 จึงมีโอกาสจ่ายปันผลได้ในปีหน้า

โดยราคาหุ้น TFG ปิดตลาดวานนี้ (1 ก.ย.) ทรงตัวอยู่ที่ 5.05 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 58.05 ล้านบาท ยังมี Upside 22.77% จากราคาเป้าหมายที่ 6.20 บาท

 

บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” CPF ราคาเป้าหมาย 41 บาท/หุ้น เนื่องจากตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 2/59 ที่สูงกว่าคาด จึงทำการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2559 เพิ่มขึ้นอีก 7% (มาอยู่ที่ 1.67 หมื่นล้านบาท) และปรับประมาณการกำไรหลักปี 2559 เพิ่มขึ้นอีก 34% (มาอยู่ที่ 1.59 หมื่นล้านบาท) เราทำการปรับอัตรากำไรขั้นต้นปี 2559 เพิ่มขึ้นจาก 15.7% ไปเป็น 16.9% ในปี 2559 เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายใหม่ที่ประเมินด้วยวิธี DDM มาอยู่ที่ 41 บาท (จาก 36 บาท) เพื่อสะท้อนการเลื่อนปรับไปใช้เป็นราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2560 แทนและการปรับประมาณการกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น คาดว่าธุรกิจกุ้งในไทยจะพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิสำหรับทั้งปี 2560 CPF ยังคงเป็นหุ้นที่เราชื่นชอบมากที่สุดในกลุ่มอาหาร เนื่องจากกำไรหลักที่มีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดดในช่วงวงจรธุรกิจขาขึ้นจากการพลิกฟื้นกลับมามีกำไรของธุรกิจกุ้งไทยในช่วงตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2559 จนถึงปี 2560 อัตรากำไรของธุรกิจสัตว์บกที่จะยังดีจากราคาเนื้อสัตว์บกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและผลประกอบการของธุรกิจต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น

โดยราคาหุ้น CPF ปิดตลาดวานนี้ (1 ก.ย.) อยู่ที่ 31.75 บาท ปรับตัวลง 0.75 บาท หรือ 2.31% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 520.50 ล้านบาท ยังมี Upside 29.13% จากราคาเป้าหมายที่ 41 บาท

 

บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” GFPT ราคาเป้าหมาย 17 บาท/หุ้น โดยมองว่าราคาหุ้นของ GFPT ปรับไปในทิศทางเดียวกันกับของราคาไก่ในประเทศ ราคาหุ้น GFPT เคยขึ้นไปซื้อขายที่อัตราส่วน PER ที่สูงถึง 14-18 เท่าในช่วงที่ราคาไก่ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 42-46 บาท/กก.ในปี 2557 ถ้าใช้อัตราส่วน PER อย่างอนุรักษ์นิยมที่กรอบล่างซึ่งอยู่ที่ 14 เท่า จะได้ราคาเป้าหมายซึ่งอ้างอิงตามวิธี PER ได้เท่ากับ 17.85 บาท และเนื่องจากราคาลูกเจี๊ยบและราคาไก่ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.50 บาทต่อตัวและ 45 บาทต่อกก. ตามลำดับ (ซึ่งถือว่าทำสถิติสูงที่สุดในรอบ 2 ปีโดยได้รับปัจจัยหนุนจากการขาดแคลนของปู่ย่าพันธุ์ไก่ที่คาดว่าจะเป็นปัญหาจนถึงอย่างน้อยสิ้นปี 2559)

รวมถึงราคาวัตถุดิบที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ เราจึงคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะยังคงมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากจีเอฟเอ็นและแม็คคีย์ รวมถึงราคาไก่ในประเทศซึ่งยังคงอยู่ในช่วงวงจรขาขึ้น

โดยราคาหุ้น GFPT ปิดตลาดวานนี้ (1 ก.ย.) อยู่ที่ 15.50 บาท ปรับตัวลง 0.30 บาท หรือ 1.90% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 70.96 ล้านบาท ยังมี Upside 9.68% จากราคาเป้าหมายที่ 17 บาท

Back to top button