คัด 17 หุ้นดาวเด่นรีเทิร์นเกินเท่าตัว!
คัด 17 หุ้นเน้นๆ! รีเทิร์นเกินเท่าตัวภายใน 8 เดือน ชูพื้นฐานสุดแกร่ง แนวโน้มผลการดำเนินงานโตแจ่มรับแผนงานในอนาคต
คัด 17 หุ้นเน้นๆ! รีเทิร์นเกินเท่าตัวภายใน 8 เดือน ชูพื้นฐานสุดแกร่ง แนวโน้มผลการดำเนินงานโตแจ่มรับแผนงานในอนาคต
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยใช้เกณฑ์คัดเลือกจากราคาหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นเกิน 100% ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2559 นับตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.58 จนถึงวันที่ 31 ส.ค.59 ซึ่งได้คัดเลือกมาทั้งหมด 17 บจ. ดังนี้
ตารางแสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น
สำหรับหุ้น 5 อันดับแรกมีดังนี้
อับดับที่ 1 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ซึ่งราคาปรับตัวขึ้น 242.39% นับตั้งแต่ต้นปี ด้าน นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI ตั้งเป้าการทำงานหลังจากนี้จะพยายามเพิ่มอัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ให้ถึง 80% จากปัจจุบันอยู่ที่เฉลี่ย 75% ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีรายได้เพิ่มอีก 5% โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเนื่องจากเป็นการขายที่นั่งว่างให้ได้มากขึ้น
รวมถึงร่วมมือกับสายการบินพันธมิตรในการทำ Code Sharing เพิ่มขึ้น ซึ่งมีกว่า 10 สายการบินโดยจะพยายามเพิ่มสัดส่วนรายได้จาก Code Sharing จากปัจจุบันที่มีเพียง 5% ให้เป็น 20-25% ให้เร็วที่สุด ถือเป็นสัดส่วนรายได้การทำ Code Sharing เทียบเท่ากับสายการบินชั้นนำอื่นๆ
“การบินไทย ได้ผ่านไตรมาสที่แย่ที่สุดของปีซึ่งเป็นช่วง Low Season ซึ่งเป็นช่วงที่เหนื่อยที่สุดของสายการบินมาแล้ว ทั้งนี้แม้ผู้โดยสารในไตรมาส 2 จะเพิ่มขึ้น 3% อัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เพิ่มขึ้น 2% แต่รายได้และกำไรเพิ่มไม่มากนัก เนื่องจากราคาน้ำมันลดลง ทำให้สายการบินต่างๆ มีการลดค่าโดยสารเพื่อแข่งขันกันมาก แต่ถือว่าบริษัทมีความสามารถทางการขายเพิ่มมากขึ้น” นายจรัมพร กล่าว
อันดับที่ 2บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG ซึ่งราคาปรับตัวขึ้น 227.92% นับตั้งแต่ต้นปี ด้าน นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ TFG มั่นใจว่ารายได้ปีนี้โตประมาณ 15% ตามเป้าหมาย ยอดรายได้รวมน่าจะทะลุเป้า 2 หมื่นล้านบาท ตามแผน หลังเดินหน้าเพิ่มปริมาณการผลิตไก่ ต้นทุนต่ำลง เน้นส่งออกเพิ่ม และขยายสุกรเลี้ยงในประเทศ บวกขยายธุกิจในเวียดนามได้อานิสงส์ราคาสูงขึ้นในไตรมาส 2 ป้อนตลาดทั้งในและต่างประเทศ พร้อมขยายตลาดไส้กรอกไก่ และอาหารสัตว์ภายนอกเครือไปพร้อมกัน
อับดับที่ 3 บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BIG ซึ่งราคาปรับตัวขึ้น 221.29% นับตั้งแต่ต้นปี ด้าน นายธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ BIG คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปีนี้จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ซึ่งบริษัทเตรียมจัด 2 อีเว้นท์ใหญ่ประจำปี พร้อมโปรโมชั่นพิเศษร่วมกับผู้ประกอบการกล้องถ่ายภาพค่ายยักษ์ใหญ่ เพื่อกระตุ้นยอดขายภายในงาน
ขณะที่ตลาดกล้องถ่ายภาพยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ค่ายกล้องถ่ายภาพยักษ์ใหญ่อย่าง Fuji หรือ Olympus เตรียมเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งมั่นใจว่ารายได้ของบริษัทในปีนี้จะเติบโตเกิน 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 4,767 ล้านบาท
อันดับที่ 4 บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE ซึ่งราคาปรับตัวขึ้น 178.07%นับตั้งแต่ต้นปี ด้าน นางสาวรุ่งฉัตร บุญรัตน์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ MALEE เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจปีนี้ยอดขายโต 20% จากปีก่อนที่มียอดขาย 5,512.41 ล้านบาท หลังจากไตรมาส 2/59 ผลประกอบการทำสถิติสูงสุดใหม่
“ปีนี้เราค่อนข้างมั่นใจว่าผลประกอบการจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งในช่วงไตรมาส 2/59 ที่ผ่านมาผลประกอบการทำสถิติสูงสุดใหม่ และในช่วงที่เหลือเชื่อว่าผลประกอบการจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทฯได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่น้ำผลไม้ 100% ผ่านแคมเปญ “The Caring Message” ความห่วงใยจากใจเกษตรกรไทยในการดูแลผลไม้อย่างดีตั้งแต่สวนถึงมือผู้บริโภค โดยกระแสตอบรับจากผู้บริโภคค่อนข้างดี”นางสาวรุ่งฉัตร กล่าว
อันดับที่ 5 บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ซึ่งราคาปรับตัวขึ้น 171.35% นับตั้งแต่ต้นปี ด้าน นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN เปิดเผยว่า บริษัทเพิ่มเป้ายอดขายปีนี้เป็นเติบโต 25% มาอยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้เติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท เนื่องจากประสบความสำเร็จจากการขยายการส่งออกสินค้าไปตลาดต่างประเทศ
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 คาดว่ารายได้และกำไรจะทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องจากไตรมาส 2/59 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1.11 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 184.7 ล้านบาท เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังตั่งแต่ไตรมาส 3/59 เป็นต้นไป เป็นช่วงเริ่มสู่ไฮซีซั่นของธุรกิจสาหร่ายทอดกรอบ ประกอบกับบริษัทยังมีการเพิ่มแคมเปญทางการตลาดที่มากขึ้นกว่าครึ่งปีแรก
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะอยู่ที่ 16% จากปีก่อนที่ 11% หลังจากอัตรากำไรสุทธิของบริษัทในครึ่งปีแรกทำได้อยู่ที่ 16.04% จากต้นทุนการขายและบริหาร (SG&A) ลดลง หลังจากมีการขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น ซึ่ง SG&A ในต่างประเทศอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าในประเทศ รวมไปถึงอัตรากำไรสุทธิในต่างประเทศอยู่ในระดับที่สูงอยู่ที่ 18-19% ส่วนในประเทศอยู่ที่ 10%
อนึ่ง บจ.ดังกล่าวข้างต้นถือว่าทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้านราคาหุ้นปรับตัวขึ้นค่อนข้างมาก สะท้อนพื้นฐานที่แข็งแกร่ง อีกทั้งผู้บริหารได้มีการวางแผนขยายธุรกิจ และบริหารงานได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนจากราคาหุ้นเกิน 100% นับตั้งแต่ต้นปี 59
อย่างไรก็ตามการเข้าลงทุนในบจ.ดังกล่าวอาจจะมีความเสี่ยงเนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามากแล้ว ทั้งนี้นักลงทุนต้องดูผลประกอบการของบริษัท และดูค่า P/E เพื่อประกอบการตัดสินใจด้วยว่าราคาหุ้นนั้นถูก หรือ แพง เมื่อเทียบกับ P/E กลุ่ม
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน