AIT คาดรายได้ปีนี้แตะ 5 พันลบ. ลุ้นประมูลงานเพิ่มกว่า 2 หมื่นลบ.
AIT คาดรายได้ปีนี้ราว 5 พันลบ. ลุ้นประมูลงานเพิ่มกว่า 2 หมื่นลบ. เผย DATA Center ขนาด 624 Rack เริ่มเปิดบริการปี 60 มองจะมีผู้ใช้งานเต็มระบบใน 3 ปี
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทแอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปีนี้น่าจะทำได้ราว 5 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อนอยู่ที่ 5.27 พันล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีรายได้ราว 2.33 พันล้านบาท เป็นผลมาจากงานโครงการภาครัฐที่ออกมาล่าช้า อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าครึ่งปีหลังก็น่าจะดีขึ้นจากครึ่งปีแรก แต่ยังต้องรอดูงานต่างๆ ที่จะทอยอยออกมาอยู่ว่ามีมากน้อยเพียงใด
โดยปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ราว 2,208 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ภายในปีนี้ 1.8 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้ฯในปีถัดไป และมียอดรอคำสั่งซื้ออีกราว 546 ล้านบาท คาดว่าไตรมาส 4/59 จะสามารถรับรู้รายได้ราว 400 ล้านบาท
รวมทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานหน่วยงานภาครัฐทั้ง บริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT และ บริษัทกสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT มูลค่า 91 ล้านบาท มองว่ามีโอกาสได้รับงานสูง และยังมีโครงการต่างๆ ที่คาดว่าจะเข้าร่วมประมูลอีกมูลค่ารวม 2.04 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่ในระดับ 10.10% โดยช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 9.27% เป็นผลมาจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญในโครงการต่างๆ ราว 77 ล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทจะรับรู้เป็นกำไรเข้ามาในไตรมาส 4/59
สำหรับการลงทุนเคเบิลใต้น้ำ (Submarine Cable) ในประเทศเมียนมาร์ที่ดำเนินการร่วมกับพันธมิตรนั้น คาดว่าโครงการดังกล่าวจะเริ่มขั้นตอนการวางท่อได้ในอีก 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจพื้นที่และออกแบบผังโครงการ โดยบริษัทจะใช้เงินลงทุน 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐ จากมูลค่าการลงทุนทั้งโครงการรวม 7 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ราว 16%
ขณะที่การลงทุนตั้ง DATA Center ขนาด 624 Rack ที่เป็นความร่วมมือกับบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA และบริษัทอินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในปี 60 ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถรับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไรเข้ามา และมองว่าภายใน 3 ปีจะมีผู้ใช้งานเต็มระบบ คาดว่าจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนภายใน 5-6 ปี และมี IRR ที่ระดับ 16%