เผื่อใจกันไว้บ้างขี่พายุ ทะลุฟ้า
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย เคลื่อนตัวออกจากจุดสตาร์ทตอนต้นปี 59 ที่ 1,288 จุด สามารถทำสถิติสูงสุดได้ที่ 1,558 จุดตอนกลางเดือนสิงหาฯ และก็มาเซถลาเป็นนกปีกหักมาอยู่ที่ 1,455 จุดในตอนนี้
ชาญชัย สงวนวงศ์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย เคลื่อนตัวออกจากจุดสตาร์ทตอนต้นปี 59 ที่ 1,288 จุด สามารถทำสถิติสูงสุดได้ที่ 1,558 จุดตอนกลางเดือนสิงหาฯ และก็มาเซถลาเป็นนกปีกหักมาอยู่ที่ 1,455 จุดในตอนนี้
มายาคติอย่างหนึ่งของการลงทุนในตลาดหุ้นก็คือ เวลาหุ้นขึ้น จิตใจของผู้คนในตลาด ก็มักจะอดไม่ได้ที่จะคิดว่า มันต้องขึ้นต่อไปแน่ๆ
พิจารณาในเรื่องปัจจัยพื้นฐานรองรับหรือความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตน้อยมาก
ส่วนเวลาขาลง จิตใจนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดก็มักจะห่อเหี่ยว แทนที่จะคิดว่า เวลาหุ้นขาลงก็เป็นโอกาสเหมือนกัน ที่จะได้เข้าซื้อหุ้นพื้นฐานที่ราคาแพงไปแล้ว
นักลงทุนที่ช้อนหุ้นช่วงหลังวิกฤตต้มยำกุ้งและหลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ น่าจะเป็นอุทาหรณ์อันดีของการลงทุนแบบพลิกวิกฤตเป็นโอกาส
ตอนหุ้นขึ้นสูงสุดที่ 1,558 จุดมันก็มีเหตุปัจจัยรองรับที่เป็นเหตุเป็นผลอยู่พอสมควร
ปัจจัยการไหลเข้าของเงินทุน น่าจะเป็นปัจจัยหลัก ตามด้วยเหตุการณ์ความสงบในประเทศ การเมืองก็นิ่ง และร่างรัฐธรรมนูญก็ผ่านประชามติ
แต่ขณะเดียวกัน พื้นฐานปัจจัยก็ชักจะไม่รองรับเหมือนกัน ค่าพี/อีขณะนั้นทะยานขึ้นกว่า 23 เท่า
ถึงตอนนี้ก็เถอะ! ดัชนีที่โดนถล่มอย่างหนักมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ จาก 1,521 จุดมาถึงตอนนี้ที่ 1,455 จุด ค่าพี/อีจากราคาปัจจุบันก็ยังนับว่าสูงอยู่มาก
ในระดับ 21.35 เท่า ต้องยอมรับความจริงว่า เป็นตลาดที่เริ่มจะแพงไปแล้ว ยังไงก็ต้องมีการปรับฐานลงมาไม่มากก็น้อย
ตลาดหุ้นโดยทั่วไปจะก้าวทะยานไปต่อได้ ก็ต้องมี “สตอรี่” บังเอิญช่วงนี้ “นิว สตอรี่ใหม่” ไม่มี ผนวกกับมาเจอ “ข่าวลือ” ที่รุนแรง หุ้นที่ควรจะปรับฐานอยู่แล้ว ก็เลยได้โอกาสปรับฐานลง
เพียงแต่ปรับฐานแรงไปหน่อย ช่วง 4 วันของสัปดาห์นี้ ดัชนีหายไป 66 จุด หรือ 4.33%
นักวิเคราะห์ให้แนวรับแรกอยู่ที่ 1,450 จุด แต่หากหลุดก็ไปแนวรับที่ 2 ที่ 1,438 จุด ส่วนบางคนก็บอกว่าช่วงนี้ เส้นเทคนิคไม่ทำงานแล้ว
คงต้องอ่านเกมตลาดกันต่อไปแบบช็อตต่อช็อตล่ะครับว่า “บัททัม ไลน์” หรือจุดต่ำสุดของรอบนี้จะไปอยู่ที่ใด
ธรรมชาติของตลาดหุ้นก็มักจะเป็นแบบนี้ กล่าวคือ ยามลิงโลด ตลาดหุ้นก็มักจะขึ้นเกินจริง ส่วนยามห่อเหี่ยว ตลาดก็มักจะลงเกินจริง
และก็มีความจริงแท้แน่นอนอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตลาดนั้นมีทั้งขาขึ้นขาลง ยามขึ้นไป ก็ใช่ว่าจะต้องขึ้นไปตลอด ขณะเดียวกันยามขาลง ก็ใช่ว่าจะเอาแต่ลงตลอดไป ไม่มีวันขึ้น
ตลาดหุ้นไทยยามนี้ก็เช่นกัน มันเป็น “ขาลง” ค่อนข้างจะแน่ชัดแล้ว ก็ต้องทำใจ
แต่ก็อย่าลืมอีกเหมือนกันว่า พื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดก็ยังดีอยู่มาก ดังที่ดร.สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยืนยันเอาไว้
เฉพาะไตรมาส 2 บจ.ยังกำไรโต 11% เมื่อรวมงวด 6 เดือนก็ยังกำไรโตรวม 6% ไม่ถือว่าขี้เหร่อะไรนัก
สรุปแล้ว พื้นฐานตลาดหุ้นไทย ยังจัดอยู่ในระดับ”ดาวเด่น”ของตลาดหุ้นเกิดใหม่ได้ เพียงแต่ช่วงนี้เจอความผันผวน ซึ่งอาจจะก่อคลื่นลมแรงสักหน่อย
อย่าบุ่มบ่าม ค่อยดูเหตุการณ์ไป และก็อย่าเอาแต่ห่อเหี่ยวมากไป การที่หุ้นดีมีราคาถูกลงก็ถือเป็นโอกาสใหญ่หลวงเหมือนกันนะ