SET ยังผันผวน เคาะ 8 หุ้นร้อน เน้นปลอดภัย-เล่นสั้น

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย ยังคงผันผวน โดยเช้านี้อาจมีการรีบาวน์สั้น แต่ยังมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงต่อตามตลาดต่างประเทศ การลงทุนเน้นกลุ่มที่ปลอดภัยจากภาวะตลาดที่ผันผวน หรือเก็งกำไรสั้นเป็นหลัก


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.85 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าว

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย ยังคงผันผวน โดยเช้านี้อาจมีการรีบาวน์สั้น แต่ยังมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงต่อตามตลาดต่างประเทศ การลงทุนเน้นกลุ่มที่ปลอดภัยจากภาวะตลาดที่ผันผวน หรือเก็งกำไรสั้นเป็นหลัก หุ้นเด่นเลือก CPF-GFPT-SCC-SPRC-TOP-JASIF-DIF และ TMT

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ก.ย.) ว่า SET “ผันผวน” แม้แนวรับ 1,437-1,440 จุดอิงเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 วันทำงานได้ดีในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน และการ Rebalance Portfolio ของ FTSE สุดสุปดาห์นี้หนุนโอกาส Technical Rebound แต่ยังมองการ Rebound ระยะสั้นเป็นเพียงโอกาศการ “ปรับพอร์ต” เท่านั้น โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ปรับลดลงแรง -4.0% จากค่าเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าขึ้น และล่าสุดสมาชิก Fed นาย Eric Rosengren (สาย Dovish) มองอัตราดอกเบ้ยที่ต่ำยาวนานเกินไปเป็น “ความเสี่ยง” ต่อเสถียรภาพสถาบันการเงิน ขณะที่ US Bond Yield 10 ปีล่าสุดขึ้นมาที่ 1.67%

แม้การ “Rebalance” ของ FTSE จะเป็นปัจจัยหนุนการ Rebound ของ SET ระยะสั้น แต่มองการ Rebound จะจำกัดโดย Bond Yield สหรัฐฯ ที่ปรับสูงขึ้นจะเป็นแรงกดดัน Bond Yield ในประเทศปรับสูงขึ้น และ Earnings Yield Gap ที่แม้ล่าสุดจะปรับขึ้นมาที่ 4.15% แต่ 1) Bond Yield ในประเทศยังไม่สะท้อนการปรับขึ้นของ Bond Yield สหรัฐฯ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา และ 2) ที่ 4.15% อาจหนุนการ Rebound แต่ไม่ได้เป็นจุดซื้อ หรือที่ Earnings Yield Gap ประมาณ 4.8-5.0%.

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ก.ย.) คาด SET วันจันทร์ลงต่อ หลังตลาดโลกกลับมากลัวดอกเบี้ยเฟด + จิตวิทยาภายในยังเปราะบาง (ศุกร์ที่แล้วดัชนีฯ แกว่งลง ตามคาด) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) และยุโรป (EUStoxx50) ร่วง 2.45% และ 1.98% ตามลำดับเมื่อวันศุกร์ หลังผู้ว่าเฟดบอสตันและเฟดดัลลัส แถลงว่ามีสัญญาณทางเศรษฐกิจว่าเฟดควรขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ ส่งผลให้ CME Fed Futures เพิ่มโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยใน ก.ย. และ ธ.ค. เป็น 24% และ 60% ตามลำดับ

ฝ่ายวิจัยคงมองว่าพื้นฐานหุ้นไทยไม่เปลี่ยน แต่ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ SET ยังลงต่อในช่วงสั้น หุ้นเด่นวันนี้ JASIF, DIF, TMT (เป้าพื้นฐาน 14.2 บาท)

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ก.ย.) ว่า SET น่าจะผันผวนสูงและยังอยู่ในช่วงปรับฐาน โดยเชื่อว่าตลาดจะกลับมากังวลเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หลังที่ประชุม ECB ไม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม ประกอบกับเจ้าหน้าที่เฟด 2 ท่านออกมาแสดงความเห็นว่าเฟดไม่ควรใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานานเพราะจะเกิดผลเสียในระยะยาว เช่นอัตราเงินเฟ้อจะปรับเพิ่มขึ้นเร็ว และภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ขยายตัวต่อเนื่องจึงสมควรพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งการแสดงความเห็นครั้งนี้ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับลงกว่า 394 จุด ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งสูง

อย่างไรก็ตาม การจากผลสำรวจของ CME group เผยว่านักลงทุนเพิ่มคาดการณ์โอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเป็น 24% จาก 18% ซึ่งยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ปัจจัยลบเหล่านี้จะส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลงตาม ยังแนะนำให้ปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อให้เหมาะสมกับช่วงที่ตลาดขาดปัจจัยบวกและอยู่ในช่วงพักฐาน นอกจากนี้หุ้นขนาดกลางและเล็กจะยังเป็นสีสันให้กับตลาด และหาก SET ปรับลงลึกแรงและเร็วอาจเป็นจังหวะเข้าเก็งกำไรระยะสั้นๆ ได้ โดยยังเน้นลงทุนในหุ้นที่คาดว่ากำไรจะเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : ปรับพอร์ต

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : CPF, GFPT (แนวโน้มราคาไก่ยังปรับขึ้นต่อเนื่อง)

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ก.ย.) คาดเช้านี้ดัชนีน่าจะมีการรีบาวน์สั้นแต่ยังมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงต่อ แนะนำ ขึ้นขายแล้วทยอยซื้อกลับเมื่อย่อตัวเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นในจังหวะรีบาวน์ โดยมีแนวรับที่ 1,430-1,440 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,465-1,470 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,490-1,500 จุด

แนะนำซื้อเก็งกำไร

SCC : Res 534 / Sup 512 / Cut 508

SPRC : Res 11.20 / Sup 10.00-10.10 / Cut 9.90

TOP : Res 69.00 / Sup 65.25 / Cut 64.75

Back to top button