ตั้งหลักใหม่?โมนิก้าและทีมงาน
*โอย...โอ๊ย โลกของการลงทุนมันช่างอยู่ยากเสียจริงๆ เพราะหาความจริงใจได้ยากเย็นแสนเข็ญ และถ้าที่ใดหาความจริงไม่ได้ ความสุขย่อมไม่บังเกิด ซึ่งดูได้จากเหตุการณ์ของตลาดหุ้นไทยที่เป๋ไปเป๋มา ล้วนมาจากพฤติกรรมที่กลับไปกลับมาของกองทุนตัวแสบ โดยอาศัยจังหวะในช่วงที่ข่าวสารยังไม่นิ่ง ตัวแปรขยับไปขยับมาตลอด ทำการสาดหุ้นออกมาไม่ยั้ง หลังจากนั้นก็ดอดเข้ามาไล่เก็บพะยะค่ะ
*โอย…โอ๊ย โลกของการลงทุนมันช่างอยู่ยากเสียจริงๆ เพราะหาความจริงใจได้ยากเย็นแสนเข็ญ และถ้าที่ใดหาความจริงไม่ได้ ความสุขย่อมไม่บังเกิด ซึ่งดูได้จากเหตุการณ์ของตลาดหุ้นไทยที่เป๋ไปเป๋มา ล้วนมาจากพฤติกรรมที่กลับไปกลับมาของกองทุนตัวแสบ โดยอาศัยจังหวะในช่วงที่ข่าวสารยังไม่นิ่ง ตัวแปรขยับไปขยับมาตลอด ทำการสาดหุ้นออกมาไม่ยั้ง หลังจากนั้นก็ดอดเข้ามาไล่เก็บพะยะค่ะ
*เมื่อนำประเด็นดังกล่าวมารวมกับบรรยากาศการลงทุนต่างประเทศที่ลุ่มๆ ดอนๆ ย่อมส่งผลกระทบกับการทะยานขึ้นของดัชนีอย่างมีนัยสำคัญ และการที่ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิด 1,446.84 จุด บวกไป 34.99 จุด ด้วยมูลค่า 5.82 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ก็ไม่เห็นมีใครออกมาฟันธงว่า ดัชนีกลับทิศอย่างบูรณาการ และไม่เห็นมีใครแนะนำให้ถือหุ้นยาวสักคนแบบนี้ มันเป็นช็อตที่ต้องดูกันวันต่อวัน และควรรอให้ดัชนีตั้งหลักให้ได้เสียก่อนไม่ใช่เหรอค่ะ
*ที่สำคัญคือ การดีดกลับของดัชนีในเที่ยวนี้ มันเป็นเรื่องของจิตวิทยาในการลงทุนเพียวๆ ไม่ได้มองเรื่อง “ขายมากเกิน” แม้แต่นิดเดียว ซึ่งทำให้การลงทุนจะยากขึ้นไปอีกขั้น และมีเรื่องให้คิดเพิ่มมากขึ้นอีกชั้นหนึ่ง “โมนิก้า” ในฐานะคนเฝ้าติดตามหุ้นอย่างใกล้ชิด ก็ยังรู้สึกมึนตึ้บกับเรื่องที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน จึงได้แต่แนะนำว่า “เข้าเร็ว ออกเร็ว” เพื่อความปลอดภัยก็แล้วกัน..“อิอิอิ”
*ตัวอย่างเรื่องนี้ดูได้จาก KBANK SCB KTB ล้วนเป็นหุ้นที่มีปมปัญหาซ่อนไว้เยอะแยะ จนหลายคนอยากรู้ว่า สถานการณ์ปัจจุบันเลวร้ายขนาดไหน? แต่จนบัดนี้ยังไม่มีใครให้คำตอบได้เลยว่า เรื่องจริงเป็นเช่นไร? ก็เลยทำให้ภาพของหุ้นไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่ และทุกครั้งที่เด้งขึ้นแรงทีไร หลังจากนั้นมักทำจุดต่ำกว่าครั้งก่อนให้เห็นประจำแบบนี้..อยู่เฉยๆ ดีกว่าไหม?
*เหมือนกับในรายของ PTT กับ PTTEP แม้จะมีสตอรี่เกี่ยวกับตัวเลขกำไรเป็นที่ตั้งมั่น เลยทำให้บางคนไม่หวาดหวั่นกับภาวะการลงทุนที่ผันผวน เพราะเชื่อว่า มีกลุ่มแฟนคลับคอยหนุนหลังตลอดเวลานั้น แต่เอาเข้าจริงๆ สองแม่ลูกก็รูดมหาราชเหมือนกัน ล่าสุดหุ้นแม่วิ่งขึ้นมาปิดที่ 323 บาท บวกไป 12 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ส่วนหุ้นลูกปิดที่ระดับ 77.25 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 2.60% แต่ทั้งคู่ยังอยู่ในทิศทางขาลงเหมือนเดิมแบบนี้..ยังกล้าเล่นกันอะป่าว..ลองไปคิดกันเอาเอง..“อิอิอิ”
*เหมือนกับในรายของBEM เดี๊ยนมองพัฒนาการของตัวบริษัท กับพัฒนาการของตัวหุ้น ทำไมมันไม่ไปในทางเดียวกัน และดูเหมือนว่า สถานการณ์ของตัวหุ้นยังคงลุ่มๆ ดอนๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้จับตาดูการเด้งขึ้นมาปิดที่ 6.90 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่า 840 ล้านบาท มันหมายถึง “จังหวะลงทุนรอบใหม่” หรือ “จังหวะของการเทขาย” พะยะค่ะ
*ส่วนในรายของ TSE คงไม่ต่างกันสักเท่าไหร่? แต่ที่ดีอยู่นิดหนึ่งคือ ตัวเลขกำไรที่ทำได้ในปีนี้เริ่มเห็นเนื้อเห็นหนังมากขึ้น “โมนิก้า” ถึงรู้สึกชิวๆ เมื่อเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.64 บาท บวกไป 0.28 บาท หรือขึ้นไป 6.40% ด้วยมูลค่า 116 ล้านบาท เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยทำให้เห็นว่า หุ้นพุ่งแรงเป็นอย่างไร? วันนี้ถึงต้องจับตาดูกันเป็นพิเศษ เพราะของเขาดีจริงๆ เดี๊ยนไม่อยากให้พลาด ไม่เชื่อลองถาม เฮีย ค. ดูก็ได้จ้า
*คิดดูสิ! ขนาดหุ้นพัดลมอย่าง KOOL ยังกระชากขึ้นมาปิดที่ 5.70 บาท บวกไป 0.92 บาท หรือขึ้นไป 19.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 320 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะของการเล่นเก็งกำไรเพียวๆ ไม่ต้องถามถึงสตอรี่ของเรื่องที่เข้ามาเกี่ยวข้องว่าเป็นอย่างไร ในเมื่อเรื่องผลประกอบการมันเป็นมุกเดิมๆ ที่ใช้จนเอียน จึงไม่ต้องถามถึงราคาเป้าให้เสียเวลา.. “อิอิอิ”
*ตบท้ายกันที่หุ้นน้องใหม่ไฟแรงอย่าง ITEL เพื่อชี้ให้เหล่านักเล่นได้เห็นความสามารถในการทำธุรกิจของ “ณัฐนัย” สักเล็กน้อย เพราะของจริงที่เดี๊ยนสัมผัสได้ด้วยตัวเอง ไอเดียการทำธุรกิจของพ่อหนุ่มรายนี้ “ไม่ธรรมดา” เพราะบริษัทตัวนี้ถูกวางไว้เป็น growth stock ซึ่งมันหมายความว่า รายได้กับกำไรจะโตเท่าตัวไปอีกอย่างน้อย 3 ปี! และเรื่องนี้ก็ดูได้จากตัวเลขกำไรครึ่งแรกของปี 59 เท่ากับตัวเลขกำไรทั้งปี 58 นะคะ
*ที่น่าสนใจเหนืออื่นใดก็คือ คนที่คอยประคบประหงมตอนเข้าตลาด mai เป็นเวลานานคือ “น้องแกะ” แห่ง บล.ฟินันเซียฯ ซึ่งเป็นที่รับรู้ในวงกว้างอย่างกว้างขวางว่า ผลงานเข้าตาทุกตัว และตัวที่สามารถเทียบเคียงให้เห็นชัดๆ ต้องยกให้ MTLS ซึ่งกำหนดราคา IPO ไว้แค่ 5.50 บาท แต่หลังจากเข้าเทรดได้ 3 เดือนหุ้นขึ้นไปยืนอยู่ที่ 20 บาท ก็มาด้วยสตอรี่โตระบิดระเบ้อ..ขณะที่น้องใหม่รายนี้กำหนดราคา IPO ไว้ที่ 5.20 บาท พ่วงด้วยการคว้างานใหม่เพิ่มเติมตลอดเวลาแบบนี้..มันมาด้วยสตอรี่เดียวกันเป๊ะ ไม่ลุยสุดซอยแล้วจะเสียใจเจ้าค่ะ
*พูดถึงหุ้นลูกไปแล้ว “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงหุ้นตัวแม่ ILINK เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนที่คุ้มค่าในยามตลาดหุ้นผันผวน เพราะได้ยินข่าวแว่วๆ มาแต่ไกลว่า เที่ยวนี้คว้างานมาได้ไม่ต่ำกว่า 800 ล้านบาท แถมยังมีอีกหลายโครงการให้ได้ลุ้นกันอย่างจุใจตลอดระยะเวลาที่เหลือของปี 59 แบบนี้กระมั้ง! วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 21.50 บาท บวกไป 2.10 บาท หรือขึ้นไป 10.80% ด้วยมูลค่า 325 ล้านบาท เดี๊ยนถือเป็นบันไดขั้นแรกที่จะนำหุ้นไปสู่ฐาน 25 บาท และหากได้งานเข้ามาเพิ่มเติมจะมีการอัพราคาขึ้นไปอีกนะจ๊ะ