ต่างชาติยังไม่ขายลูบคมตลาดทุน
วานนี้นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,477 ล้านบาท
ธนะชัย ณ นคร
วานนี้นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,477 ล้านบาท
และหากดูตัวเลขการลงทุนของต่างชาติในช่วงวันที่ 1-14 ก.ย. ก็มียอดซื้อสุทธิกว่า 12,687 ล้านบาท
การซื้อนี้ สวนทางกับดัชนีที่ปรับลงมากว่า 100 จุด ในช่วงเวลาดังกล่าว
หรือหากดูตัวเลขยอดซื้อสุทธินับจากช่วงต้นปี 2559 มาถึงวานนี้(14 ก.ย.) ก็พบเช่นกันว่า ตัวเลขทะลุแสนล้านบาทมาที่ 1.28 แสนล้านบาท
ช่วงที่หุ้นไทยลงหนักๆ คนในวงการตลาดหุ้นบอกว่า หากฝรั่งขายด้วย
หุ้นไทยก็คงดูไม่จืดเลยล่ะ
แต่สำหรับคนที่ใกล้ชิดข้อมูล และจับความเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติมาโดยตลอด เขาก็จะยืนยันว่า นี่ยังไม่ใช่เวลาที่ต่างชาติจะขาย
ถามว่า เพราะอะไร
วันนี้ มีตัวเลขเกี่ยวกับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ มานำเสนอแบบละเอียดขึ้น จากการวิเคราะห์ของ บล.โนมูนะ พัฒนสิน ซึ่งเขาบอกแบบนี้ครับ
การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในปี 2559 ผ่านการลงทุนในตลาดหุ้น อนุพันธ์ (SET50) และค่าเงิน
ทั้งหมดนี้ พบว่า ต่างชาติมีกำไรรวมเล็กน้อยราว 1.587 พันล้านบาท (เท่านั้น)
ระดับดัชนีต่ำกว่า 1455.8 จุด เป็นจุดที่ไม่คุ้มค่าต่อแรงขายในตลาดหุ้นของนักลงทุนกลุ่มนี้
ขณะที่วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,458.19 จุด
โนมูระฯ ระบุด้วยครับว่า เช่นเดียวกับระดับ S50U16 ที่ต่ำกว่า 908.54 จุด จะทำให้ “ต่างชาติมีผลขาดทุน”
ดังนั้น ที่ระดับต้นทุนเฉลี่ยของนักลงทุนต่างชาติทั้ง SET และ SET50 Future น่าจะนำมาใช้เป็นตัวกำหนดกลยุทธ์การลงทุนกลาง-ยาว อย่างได้เปรียบเชิงต้นทุน
นอกจากนี้ค่า PER17F ของตลาด ก็ต่ำเพียง 13.5 เท่า
และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 15.3 เท่า สะท้อนที่ระดับปัจจุบัน SET ยังน่าสนใจลงทุนเชิงพื้นฐานมาก
จากข้อมูลของโนมูระฯ บอกด้วยว่า นักลงทุนต่างชาติ มีต้นทุนค่าเงินบาทเฉลี่ย 35.14 บาทต่อเหรียญฯ สะท้อนต่างชาติมีกำไรจากค่าเงิน 1%
นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสะสมหุ้นมาจากต้นปี 2559 หรือสิ้นสุด 12 ก.ย. 59 รวมเงินกว่า 1.21 แสนล้านบาท
หรือนักลงทุนต่างชาติมีต้นทุนดัชนีเฉลี่ย 1455.8 จุด
นั่นหมายความว่านักลงทุนต่างชาติ ถือสถานะ ที่ระดับดัชนี 1,438 จุด ขาดทุนราว -1468.5 พันล้านบาท (หรือขาดทุนราว 1.2%)
ส่วนตลาดอนุพันธ์ หรือ TFEX นั้น นักลงทุนต่างชาติ Long SET50 Future สะสมจากต้นปี 2559 (สิ้นสุด 12 ก.ย.59) +120,770 สัญญา
มีต้นทุนเฉลี่ยที่ 908.54 จุด (ลดลงจากยอด Long สะสมสูงสุดวันที่ 3 มิ.ย. 2016 +173,469 สัญญา)
และมีผลตอบแทนจากส่วนนี้ Unrealized ราว 156 ล้านบาท และ Realized 2.9 พันล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะ Long ที่ Unrealized +120,770 สัญญา มีต้นทุนเฉลี่ยที่ 908.54 จุด
และหากคิดที่ S50U16 ที่ระดับปัจจุบัน 914.9 จุด ต่างชาติจะมีกำไรจากส่วนนี้ 156 ล้านบาท
ระหว่างทางมีการปิด Short ทำกำไรหน้า Long ไป 52,699 สัญญา 2.9 พันล้านบาท (คิดสถานะกำไรจากต้นทุนเฉลี่ยเรียงลำดับตาม Time Series)
นี่เป็นตัวเลขที่คำนวณจากฐานข้อมูลที่ โนมูระฯ ทำออกมา
และเป็นคำตอบได้ดีว่า ทำไมต่างชาติยังซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้ คุณปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ซีแอลเอสเอ ก็บอกถึงแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติว่า จะยังซื้อต่อไป และต่างชาติไม่ได้ให้น้ำหนักกับปัจจัยลบบางปัจจัยในประเทศ
หุ้นไทยนั้น ยังมีความน่าสนใจมากกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน
ฟิลิปปินส์นั้น เพิ่งถูกปรับลดน้ำหนักลงทุน ทำให้ต่างชาติไม่เข้า และมีการขายหุ้นออกมาด้วย
ช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิค่อนข้างมากในเกาหลีใต้ ไต้หวัน และตลาดหุ้นไทย
อาจมีคำถามต่อว่า หากเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วจะทำให้เงินไหลออกหรือไม่
ประเด็นนี้คุณปริญญ์ ก็บอกว่า อาจจะไม่ เพราะหากผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในระดับที่ดี เขาก็อาจจะเพิ่มการลงทุนด้วย
ส่วนคุณเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย มองเช่นกันว่า หากเฟดขึ้นดอกเบี้ย หุ้นไทยก็จะกระทบช่วงสั้น และในทางกลับกัน จะส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ผลประกอบการ “บจ.”ในไตรมาส 3/59 จะออกมาดี
และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ
นักลงทุนต่างชาติก็อาจปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนได้อีก