ไม่กลัวเฟดเหรอ?โมนิก้าและทีมงาน
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นเรื่องที่ยากแก่การคาดเดาก็จริง แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องตื่นเต้นไปกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นวานนี้ทำให้รู้ว่า เฟดก็เฟดเถอะ..เม่าไม่กลัวอยู่แล้ว ดัชนีเลยพุ่งขึ้นมาปิดที่ 1,492.73 จุด บวกไป 13.66 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.06 หมื่นล้านบาท มันเป็นเรื่องที่สอนให้รู้ว่า บางครั้งก็ไม่มีความจำเป็นต้องห้าวเกินขีดจำกัดนะคะ
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นเรื่องที่ยากแก่การคาดเดาก็จริง แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องตื่นเต้นไปกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นวานนี้ทำให้รู้ว่า เฟดก็เฟดเถอะ..เม่าไม่กลัวอยู่แล้ว ดัชนีเลยพุ่งขึ้นมาปิดที่ 1,492.73 จุด บวกไป 13.66 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.06 หมื่นล้านบาท มันเป็นเรื่องที่สอนให้รู้ว่า บางครั้งก็ไม่มีความจำเป็นต้องห้าวเกินขีดจำกัดนะคะ
*บวกกับตัวเลขซื้อสุทธิของแมงเม่าปาเข้าไป 6.25 พันล้านบาท โดยที่ฝรั่งตาน้ำข้าวสาดหุ้นออกมา 3.44 พันล้านบาท ตามติดมาด้วยการขายของปอบผีฟ้า 2.10 พันล้านบาท ก่อนจะตบตูดด้วยกองทุนตัวแสบโยนออกมา 700 ล้านบาท ยิ่งเป็นการสะท้อนภาพให้ “โมนิก้า” ได้รับรู้ไว้ว่า การขึ้นเที่ยวนี้อาจไม่แข็งแรงสักเท่าไหร่! เพราะผู้เล่นแกนหลักเริ่มถอยร่นกันแล้วน่ะสิ
*ด้วยเหตุนี้อย่าได้ผลีผลามเป็นอันขาด เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แถมตลาดหุ้นกำลังอยู่ในช่วง 2 วันอันตราย “โมนิก้า” จึงขอแนะนำให้แฟนคลับหลบเข้าที่กำบังเพื่อความปลอดภัยในชีวิต หลังเห็นกันชัดๆ ว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะทำการปรับขึ้นดอกเบี้ย และถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็จะมีการเทขายหุ้นออกมาล็อตใหญ่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เคยเห็นกันมาแล้วหลายครั้งเจ้าค่ะ
*งานนี้ไม่ได้ขู่ให้เกิดอาการหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก แค่อยากบอกให้นักเล่นเตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น “โมนิก้า” ถึงต้องออกมากระตุกต่อมความคิดสักเล็กน้อย เพราะทุกคนเคยเห็นกันมาแล้วว่า ทุกครั้งที่เงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทย มันเป็นเหตุการณ์ที่ “รุนแรง” และ “รวดเร็ว” จนแมงเม่าร้องระงมนั้น..ยังจำกันได้ไหม? และเข็ดขยาดกันบ้างหรือเปล่า?
*เหมือนกับเหตุการณ์ของน้องดอกมะลิ JASซึ่งเป็นหุ้นเด็กน้อยในความคิดของ “โมนิก้า” พอเอาเข้าจริงๆ กลับมีเรื่องชวนให้คิดเยอะแยะไปหมด จากเดิมเคยเบี้ยวค่าใบอนุญาต 4Gต่อมานำเงินที่เบี้ยวมาซื้อหุ้นคืนที่ราคา 5 บาท ล่าสุดก็ประกาศทำเทนเดอร์ฯ ในราคาหุ้นละ 7.25 บาท มันเป็นประเด็นที่ชวนให้น่าสงสัยไปหมดเสียทุกอย่าง จนผู้คนในตลาดหุ้นแสดงความคิดเห็นเชิงลบต่อผู้บริหารรายนี้เป็นจำนวนมากไงล่ะคะ
*เนื่องจากช็อตที่ออกมาในช่วงหลังๆ มันเป็นเหมือนหมากเกมที่ถูกวางไว้เป็นชั้นๆ และสิ่งที่ต้องคิดถัดมาก็คือ หุ้นจะไปต่อไหม?หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 7.20 บาท บวกไป 0.55 บาท หรือขึ้นไป 8.30% ด้วยมูลค่า 1.63 หมื่นล้านบาท รวมถึงน้ำคำที่เม้าท์มอยว่า ไม่ได้ถอนออกจากตลาดหุ้นมันตีความได้ว่า จะเอาไปขายต่อให้ใครหรือเปล่า?..ข้อมูลตรงนี้ต้องพูดกันให้ชัดๆ เจ้าค่ะ
*อีกหนึ่งคนที่ต้องพูดให้ชัดก็คือ SCB ซึ่งเป็นคนปล่อยเงินกู้ให้กับ “พิชญ์” มันมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนั้น? เพราะดีลนี้เป็นการปล่อยกู้ให้ตัวบุคคลเพียวๆ ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 4 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” จึงอนุมานได้ว่า การที่แบงก์จะทำเช่นนี้ได้ น่าจะมีการทำสัญญาธุรกิจอะไรบางอย่างมารองรับแน่ๆ ไม่เช่นนั้นพ่อหนุ่มรายนี้จะหาดอกเบี้ยจากที่ไหนมาจ่ายปีละ 1,000 ล้านบาท..งานนี้ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับตัวหลอกค่ายสีฟ้าอย่าง DTAC จู่ๆ กระชากขึ้นไปถึงระดับ35 บาท ก็มาจากข่าวเรื่องรับเซ้งกิจการต่อจากพ่อหนุ่มคนดังกล่าว แรงซื้อเลยหนาแน่นผิดปกติจากทุกวันที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็มีกูรูหลายฝ่ายออกมาฟันธงว่า ไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง! เพราะไม่ใช่คู่ค้าที่เคยดีลธุรกิจกันมาเป็นเวลานาน หุ้นเลยย่อตัวลงมาเล็กน้อย ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 34 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไป 8.80% ด้วยมูลค่า 1.89 พันล้านบาทไงล่ะค่ะ
*ส่วนตัวหลักที่มีความเป็นไปได้สูงอย่างค่ายสีเขียว ADVANCกลับไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาเลย พร้อมกับปล่อยให้เรื่องดังกล่าวให้ผู้คนไปคิดกันเอง มันเป็นเรื่องที่สุดแสนจะแยบยลเกินจะพรรณนา แต่พอย้อนถึงเรื่องราวในอดีตจะเห็นว่า ค่ายนี้ก็ใช้บริการบรอดแบรนด์ของน้องแจ๊สมาเป็นเวลานานการซื้อกิจการของเขาเข้ามาเลย ถึงไม่ใช่เรื่องยากลำบาก ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานกลับนิ่งเฉย ก่อนจะปิดที่ 166 บาท บวกไป 1 บาท ด้วยมูลค่า 1.84 พันล้านบาท มันเกิดอะไรขึ้นมิทราบ!
*เมื่อหุ้นสื่อสารถูกบิ้วด์กระแสขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง มือถือค่ายสีแดงอย่าง TRUEถึงติดสอยห้อยตามขึ้นมาด้วยคน แต่ดูเหมือนว่า หุ้นตัวนี้จะมีพ่อยกแม่ยกเยอะสุดๆ เลยกระชากขึ้นมาติดเป็นอันดับ 2 ในกระดาน most activeก่อนจะลงเอยที่ระดับ 7.55 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 5.60% ด้วยมูลค่า 2.93 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นหนังเรื่องสั้นที่ดูแป๊บเดียวก็จบ..จริงไหมท่านผู้อ่าน!
*ส่วนที่ยังไม่จบอย่างเรื่อง “ประสิทธิ์” กับสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งมีการชี้แจงข้อมูลต่างๆ ผ่านสื่อกันเยอะแยะนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่สวยงามตามท้องเรื่อง(เดี๊ยนไม่ใช่คนซาดิสม์ ซึ่งชอบเห็นคนทะเลาะกัน) เพราะเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมตื่นตัวอย่างมีนัยสำคัญ และน่าจะถึงเวลาที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องไปพูดคุยกันต่อหน้าเสียที หลังข้อมูลที่เห็นในเที่ยวนี้มีจุดที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ และสามารถนำไปพัฒนาตลาดหุ้นไทยในอนาคต..งานนี้หวังว่า แต่ละฝ่ายจะเปิดใจรับฟังข้อมูลที่นำมาพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว..รักนะ..จุ๊บ..จุ๊บ!