เลิกเหนียมอาย! โมนิก้าและทีมงาน
*โลกของการลงทุนเป็นอะไรที่ยากต่อการคาดเดา แต่ไม่ยากเกินที่จะทำความเข้าใจในการลงทุน “โมนิก้า” จึงขอทำตัวสวนทางกับชาวบ้านสักหน่อย เพราะประเด็นเรื่องเฟด “ขึ้นดอกเบี้ย” กับ “คงดอกเบี้ย” ล้วนเป็นประเด็นที่มีการรับรู้กันมาระยะหนึ่งแล้ว เดี๊ยนถึงไม่ค่อย worry สักเท่าไหร่! เพราะสมการดังกล่าวถูกถอดไว้แล้วว่า หุ้นจะตกแค่ระยะสั้นๆ เท่านั้นพะยะค่ะ
*โลกของการลงทุนเป็นอะไรที่ยากต่อการคาดเดา แต่ไม่ยากเกินที่จะทำความเข้าใจในการลงทุน “โมนิก้า” จึงขอทำตัวสวนทางกับชาวบ้านสักหน่อย เพราะประเด็นเรื่องเฟด “ขึ้นดอกเบี้ย” กับ “คงดอกเบี้ย” ล้วนเป็นประเด็นที่มีการรับรู้กันมาระยะหนึ่งแล้ว เดี๊ยนถึงไม่ค่อย worry สักเท่าไหร่! เพราะสมการดังกล่าวถูกถอดไว้แล้วว่า หุ้นจะตกแค่ระยะสั้นๆ เท่านั้นพะยะค่ะ
*หากยังประเมินสถานการณ์ดังกล่าวไม่ถูก “โมนิก้า” ขอแนะนำให้แฟนคลับย้อนกลับไปดูการอ่อนตัวลงมาหนักๆ ในช่วงต้นเดือนก.ย. ซึ่งดัชนีย่ำอยู่ที่บริเวณ 1,500 จุด ต่อจากนั้นโดนพิษข่าวลือถล่มอย่างหนักหน่วง จนดัชนีลงไปกองอยู่ที่บริเวณ 1,410 จุด ต่อจากนั้นก็เด้งกลับขึ้นมาเรื่อยๆ โดยฝรั่งตาน้ำข้าวเป็นผู้ซื้อสุทธิแบบนี้…มันเป็นพล็อตเรื่องเดิมๆ ที่เห็นกันจนชินตานะคะ
*เพียงแต่ประเด็นของเฟดเป็นเรื่องที่ทุกคนกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายเงินทุนระลอกใหม่ จึงน่าจะมีเอฟเฟ็กต์ที่รุนแรงกว่าประเด็นข้างต้นนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของความเชื่อมากกว่าข้อเท็จจริง เนื่องจากเช้าวันนี้ก็รู้แล้วว่า “หมู่” หรือ “จ่า” นักเล่นมีจังหวะคิดว่า จะทำอะไรดี! สถานการณ์หลายอย่างถึงไม่เลวร้ายอย่างที่หวาดวิตกกันหรอกค่ะ
*ด้วยเหตุนี้ดัชนีถึงกระชากขึ้นมาปิดที่ 1,487.17 จุด บวกไป 13.39 จุด ด้วยมูลค่า 4.97 หมื่นล้านบาท โดยฝรั่งตาน้ำข้าวยังเข้าซื้อหุ้นอีก 320 ล้านบาท ส่วนปอบผีฟ้าก็แสดงบทเจ้าบุญทุ่ม ด้วยการเข้าเก็บหุ้นไปอีก 2.90 พันล้านบาท ขณะที่แมงเม่าสาดหุ้นทำกำไร 2.30 พันล้านบาท ส่วนกองทุนตัวแสบก็ปล่อยของออกมา 780 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่เปิดหน้าเล่นกันแล้ว ไม่มีเวลาเหนียมอายอะไรทั้งสิ้น
*เหมือนกับในรายของหนุ่มนักคิดโคตรเหนือชั้นอย่าง “พิชญ์” มันเป็นอะไรที่คนในวงการได้แต่นั่งอึ้งกิมกี่ เพราะพ่อหนุ่มได้เปิดความในใจเกี่ยวกับเรื่อง 3 ไม่ 1 ลด ซึ่งประกอบไปด้วย “ไม่ควบรวม ไม่ขายหุ้น ไม่ถอนจากตลาดหุ้น” พร้อมกันนี้จะประกาศลดทุนอย่างเป็นทางการ หลังจากโครงการซื้อหุ้นคืนที่ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ ได้หุ้นมาเป็นจำนวน 1,200 ล้านหุ้นพะยะค่ะ
*นั่นหมายความว่า ราคาหุ้นพ่อดอกมะลิ JAS น่าจะกระชากขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน เพราะราคาเทนเดอร์ฯ ที่ระดับ 7.25 บาท ได้กลายเป็นราคาฐานของการเล่นรอบใหม่ และถ้ามองจากประมาณการตัวเลขที่น่าจะทำได้ในปี 60 อยู่ในระดับ 3 พันกว่าล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับจำนวนหุ้นหลังลดทุนเหลืออยู่ประมาณ 5.90 พันล้านหุ้น กำไรต่อหุ้นก็จะอยู่ในระดับ 0.50 บาท เมื่อนำคิดบนค่า P/E 20 เท่า ราคาเป้าหมายเบื้องต้นก็จะอยู่ในระดับ 10 บาท…
*เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับแทงกันไปเลยว่า กล้าตามหรือเปล่า? หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 7.40 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.85 พันล้านบาท มันฟ้องให้เห็นกันอย่างทนโท่ว่า เหลือแก๊ปให้ออกของอีกเยอะ! พร้อมกันนี้อย่าลืมชะโงกดูหุ้นตัวลูก JTS ซึ่งโดนแขวน SP จนกว่าจะมีการชี้แจงโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่เปลี่ยนไปเสร็จสิ้น น่าจะเป็นตัวสอดแทรกที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยนะคะ
*ส่วนคนเบื้องหลังที่ได้ประโยชน์จากดีลดังกล่าวอย่าง BROOK ก็กระชากขึ้นมาปิดที่ 0.85 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 13% ด้วยมูลค่า 250 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นกระแสของพวกนกรู้ที่คุ้นเคยกับชายที่ชื่อ “มา ชาน ลี” เป็นอย่างดีว่า ดีลไหนที่เขารับทำ…ดีลนั้นทำกำไรมหาศาล ส่งผลให้หุ้นตัวนี้มีน้ำมีนวลขึ้นมาในทันที ว่าแล้ววันนี้ เคาะขวากันยาวๆ ไปเลย…อิอิอิ
*ไหนๆ ก็เม้าท์ถึงหุ้นแบบสุดซอยขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ก็ขอแนะนำให้แฟนคลับหันมามอง TPIPL กันสักเล็กน้อย หลังรอยบาดหมางระหว่างกลุ่มขาใหญ่ กับกลุ่มเจ้าของไม่มีให้เห็นอีกต่อไป ราคาหุ้นก็เลยกระชากขึ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสัน จนล่าสุดหุ้นขึ้นมาปิดที่ 2.36 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 5.40% ด้วยมูลค่า 1.27 พันล้านบาท มันน่าจะเป็นการกลับทิศอย่างเต็มตัว และมีโอกาสขึ้นไปทดสอบยอดเดิม 2.80 บาทอีกครั้งแน่ๆ เจ้าค่ะ
*ตบท้ายกันที่เรื่องประมูลรถเมล์ NGV จำนนวนทั้งสิ้น 489 คัน รวมถึงศูนย์ซ่อมบำรุงระยะเวลา 10 ปี กำลังจะกลายเป็นมหากาพย์ที่ทุกคนเฝ้าติดตาม หลังจากผู้ชนะประมูลคนล่าสุดอย่าง “เบสท์ริน กรุ๊ป “ โดนศาลภาษีฯ พิพากษาต้องชำระภาษีเงินเพิ่มกว่า 230 ล้านบาท หลังบริษัทสำแดงเท็จราคานำเข้ารถโดยสารจากจีนกว่า 200 คัน “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่รุนแรงในสายตาคนที่อยู่ในตลาดหุ้นเจ้าค่ะ
*เนื่องจากมันหมายความว่า ผู้ชนะไม่มีความโปร่งใสในการทำธุรกิจ และทางเลือกที่ ขสมก. ควรจะทำมากที่สุดคือ เซ็นสัญญากับผู้ชนะประมูลครั้งก่อนอย่าง CHO เพราะมาตามกระบวนการทุกอย่าง และยังสามารถตอบสังคมได้ทันทีว่า เลือกบริษัทที่ไม่โกงตามนโยบายปราบโกงของท่านนายกฯ บิ๊กตู่ หรือท่าน ผอ.ขสมก. “สุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล” ยังจะเดินหน้าเซ็นสัญญากับเจ้านี้อีก…สงสัยท่านนายกฯ ต้องทบทวนนโยบายใหม่แล้วนะเนี่ย…อิอิอิ