THAI คาด Cabin Factor Q3/59 เฉลี่ย 75% โอดทั้งปีอาจพลาดเป้าหลังแข่งขันสูง

THAI คาด Cabin Factor Q3/59 เฉลี่ย 75% โอดทั้งปีอาจพลาดเป้าหลังแข่งขันสูง


นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยว่าบริษัทคาดอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ในไตรมาส 3/59 เฉลี่ยอยู่ที่ 75% ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี คาดว่าทั้งปี 59 Cabin Factor อาจจะทำไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้เฉลี่ย 80% และการขายตั๋วโดยสารผ่านอินเตอร์เน็ตมีสัดส่วน 15% จากเป้าหมายในสิ้นปีนี้มีสัดส่วน 21%

ในช่วงนี้การแข่งขันของสายการบินต่างๆเพิ่มมากขึ้น หลังจากเกิดกรณีอังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป(Brexit) กระทบเศรษฐกิจในยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลักของการบินไทย ส่งผลให้มีการแข่งขันราคามากขึ้น ทำให้อัตรากำไรต่อหน่วย (Yield) อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องซึ่งเกิดขึ้นในธุรกิจสายการบินทั่วโลก อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันที่ขณะนี้ตกต่ำลงมากกว่าคาด ช่วยพยุงให้ผลประกอบการ THAI เป็นบวกได้ต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งแรกปี 59 การบินไทยมีกำไรจากการดำเนินงาน 5,397 ล้านบาท          

นายจรัมพร กล่าวว่า การบินไทยกลับมาขยายเส้นทางบิน, เครื่องบินเพิ่มขึ้น หลังจากหยุดการขาดทุนได้แล้ว โดยในปี 59 มีการรับมอบเครื่องบินแอร์บัส A350 เอ็กซ์ดับเบิลยู จำนวน 2 ลำ ซึ่งรับมอบไป 1 ลำแล้ว และต.ค.รับมอบอีก 1 ลำ จะทำให้การบินไทยมีจำนวนที่นั่ง (capacity) เพิ่มขึ้น 5.7% และคาดว่ารายได้โตตาม capacity ในช่วงตารางบินฤดูหนาว (ต.ค.59-มี.ค. 60) ที่เปิดจุดบินใหม่ 2 เมือง คือ เมื่องเตหะหราน ประเทศอิหร่าน จะเริ่มบิน 1 ต.ค.นี้ ทำการบิน 4 วันต่อสัปดาห์  และเมืองมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย จะเริ่มบิน 15 ธ.ค.นี้ ทำการบิน 4 วันต่อสัปดาห์ หลังจากที่หยุดบินไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาเพราะขาดทุน

ทั้งนี้ การบินไทยได้จับมือพันธมิตรหลายราย ซึ่งมีพันธมิตรหลักคือ ไซบีเรียนแอร์ไลน์ เข้ามาทำการตลาดซึ่งได้มีการปรับเรื่องการตลาด มีการขยายไปเมืองอื่นได้ 20 กว่าเมืองนอกเหนือมอสโคว์ ทั้งนี้ การบินไทยเห็นว่ารัสเซียจะเติบโตมากที่มีการเดินทางเข้ามาในเอเชียสูง โดยเฉพาะไทย ซึ่งกลุ่มที่เดินทางมาเป็นกลุ่มชนชั้นกลางซึ่งตรงกับกลยุทธ์ของบริษัท

นอกจากนี้จะเพิ่มความถี่เส้นทางบินเดิม ได้แก่ เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจะใช้เครื่องบินแอร์บัส A350 เอ็กซ์ดับเบิลยู ทำการบินทุกวัน โดยใช้เครื่องบิน 18 ชั่วโมง/ลำ/วัน ซึ่งเดินทางเที่ยวไปและกลับ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างทางการออสเตรเลียอนุมัติทำการบิน เพราะการบินไทยเปลี่ยนแบบเครื่องบินใหม่จากที่เคยบิน จึงต้องรอประมาณ 60 วัน ซึ่งบริษัทคาดว่าจะทำการบินได้ในเดือน พ.ย.

นายจรัมพร กล่าวว่า การมีเครื่องบินใหม่เข้าประจำฝูงบินจะทำให้อัตราการใช้ประโยชน์เครื่องบินดีขึ้นเฉลี่ยกว่า 13 ชั่วโมง/ลำ/วัน จากปัจจุบันเฉลี่ย 11 ชั่วโมง/ลำ/วัน ซึ่งก็เป็นการเติบโตสูงสุดในรอบหลายปีของการบินไทย เพราะมีการใช้เครื่องบินอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการมากขึ้น

“ขณะนี้เป็นสัญญาณที่การบินไทย พร้อมที่จะขยายธุรกิจ ขยายเส้นทาง หลังจากที่เราปฏิรูปองค์กรถึงระดับที่เรามั่นใจขยายธุรกิจ เตหะหรานเป็นเมืองแรกที่เราจะกลับมาบินในปีนี้ เริ่มต้นจาก 4 วันต่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งไม่ยากที่จะทำให้เต็ม เพราะได้รับความสนใจจำนวนมาก และ Traffic ผู้โดยสารจากไทยไปอิหร่าน หรือ ประเทศที่ 3 บินมาที่ไทยแล้วไปอิหร่าน เช่น จากออสเตรเลีย ปีแรกก็ต้องกำไรแล้ว เพราะถือว่าเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดเส้นหนึ่ง มีศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว” นายจรัมพร กล่าว

ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. นี้ เป็นต้นไป การบินไทยจะทำการบินสู่จุดบินใหม่ กรุงเตหะราน ซึ่งประเทศอิหร่าน ถือเป็นแหล่งอารยธรรมเปอร์เซียที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีประวัติศาสตร์ยาวนานมีวิถีชีวิต และวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกกว่า 20 แห่ง มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม มีพรมเปอร์เซียเป็นสินค้าส่งออกที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศ เป็นแหล่งผลิตถั่วพิสตาชิโอลำดับต้นๆ ของโลก และมีไข่คาร์เวียที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สำหรับผู้ที่หลงใหลในการดื่มชา การมาท่องเที่ยวที่อิหร่านจะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน เนื่องจากคนอิหร่านชื่นชอบการดื่มชาเป็นอย่างมาก จึงสามารถหาดื่มได้ง่ายและหลากหลายชนิด

อิหร่านมี 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว สามารถท่องเที่ยวได้หลากหลายตามฤดูกาลที่ชื่นชอบ ทั้งช่วงฤดูใบไม้ผลิ ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ถึงปลายเดือนมิถุนายน และช่วงฤดูใบไม้ร่วง ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน ถึงต้นฤดูหนาวในเดือนมกราคม ที่มีหิมะขาวโพลนและมีสกีรีสอร์ทอยู่ใกล้กรุงเตหะราน ความน่าหลงใหลของมนตราแห่งเปอร์เซีย

Back to top button