น้ำมันดิบปิดร่วงเกือบ 4% หลังซาอุฯคาดประชุมโอเปกคว้าน้ำเหลว

สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.84 ดอลลาร์ หรือ 3.97% ปิด (23 ก.ย.) ที่ 44.48 ดอลลาร์/บาร์เรล สำหรับทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันปรับตัวขึ้นประมาณ 2% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.76 ดอลลาร์ หรือ 3.69% ปิดที่ 45.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ตลอดสัปดาห์ สัญญาน้ำมันขยับขึ้น 0.3%

ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในวันศุกร์ หลังจากที่เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของซาอุดิอาระเบียกล่าวว่า เขาไม่คาดว่าการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในสัปดาห์หน้าจะบรรลุข้อตกลงใดๆ ทั้งนี้ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และรัสเซีย จะประชุมกันในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ นอกรอบการประชุมพลังงานระหว่างประเทศ (IEF) ที่แอลจีเรีย โดยที่ประชุมจะหารือการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน

ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียได้เสนอที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน หากอิหร่านยินยอมที่จะตรึงกำลังการผลิตในปีนี้ โดยซาอุดิอาระเบียได้ยื่นข้อเสนอดังกล่าวในเดือนนี้ แต่ทางอิหร่านยังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม นายแอนตัน ซิลูอานอฟ รมว.คลังรัสเซีย กล่าวว่า ข้อเสนอของซาอุดิอาระเบียที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน หากอิหร่านยินยอมที่จะตรึงกำลังการผลิตในปีนี้ จะไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นราคาน้ำมันดิบ

นายซิลูอานอฟกล่าวว่า ถึงแม้มีการปฏิบัติตามข้อเสนอดังกล่าว แต่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นจะเป็นไปอย่างชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากราคาที่สูงขึ้น จะทำให้มีการผลิตน้ำมันมากขึ้นจากผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐ ซึ่งก็จะทำให้ราคาร่วงลงอีก นอกจากนี้ เขายังระบุว่า รัสเซียได้จัดทำงบประมาณ โดยอิงราคาน้ำมันที่ระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ขณะเดียวกัน บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำมันสหรัฐ รายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เปิดใช้งานในสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้น 2 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 418 แท่น ทั้งนี้ จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันได้เพิ่มขึ้น 12 สัปดาห์ ในช่วง 13 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐมีจำนวนสูงสุด 4,530 แท่นในปี 1981 และแตะระดับต่ำสุดเมื่อเดือนพ.ค.ที่ระดับ 404 แท่น