พาราสาวะถี อรชุน

เสียงวิจารณ์ที่พุ่งเป้าไปยังกรณีภริยาและลูกของ พลเอกปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม และน้องชายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. หาใช่แค่การจับผิดไม่ หากแต่มันมีนัยที่ลุ่มลึกมากกว่านั้น ในยามที่คนดีปกครองประเทศ เที่ยวกล่าวหาคนอื่นๆ โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้ามว่าเลวทรามต่ำช้า แล้วตัวเองและพวกเล่ามีคุณธรรมและจริยธรรมสูงส่งกว่าคนที่ถูกกล่าวหาหรือไม่


เสียงวิจารณ์ที่พุ่งเป้าไปยังกรณีภริยาและลูกของ พลเอกปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม และน้องชายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. หาใช่แค่การจับผิดไม่ หากแต่มันมีนัยที่ลุ่มลึกมากกว่านั้น ในยามที่คนดีปกครองประเทศ เที่ยวกล่าวหาคนอื่นๆ โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้ามว่าเลวทรามต่ำช้า แล้วตัวเองและพวกเล่ามีคุณธรรมและจริยธรรมสูงส่งกว่าคนที่ถูกกล่าวหาหรือไม่

เสียงสะท้อนด้วยความห่วงใยจาก พุทธะอิสระ น่าจะเป็นภาพที่มีความชัดเจนมากที่สุด ตระกูลจันทร์โอชามีสิทธิที่จะทำมาหากิน แต่ไม่ใช่เวลานี้และยิ่งเป็นเงินงบประมาณของรัฐด้วยแล้ว ยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควร พระที่ท่านผู้นำให้ความเคารพสะกิดเตือนกันแบบตรงๆ อย่างนี้ แสดงว่าที่มีเสียงครหานั้นมันไม่ใช่เรื่องอคติหรือการจ้องจับผิดแต่อย่างใด

เหมือนอย่างที่ท่านผู้นำชอบตอกย้ำอยู่เสมอ รู้อะไรควรไม่ควร กรณีเช่นนี้คงไม่ต้องให้ช่วยตอกย้ำว่าเหมาะสมหรือไม่ เหมือนอย่างที่ได้บอกไป ถ้าหลีกเลี่ยงที่จะหากินกับการประมูลงานของภาครัฐไม่ได้ ก็ควรจะไปรับงานในพื้นที่อื่นน่าจะดูมีราคาและสมศักดิ์ศรีมากกว่า แต่นี่ทุกงานเป็นในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 และจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งบิ๊กติ๊กเคยกว้างขวางในฐานะแม่ทัพภาคที่ 3 ก่อนหน้านั้น มันจะไม่ให้คนคิดไปถึงเรื่องการเอื้อประโยชน์หรือใช้อำนาจพิเศษมาช่วยคงเป็นไปไม่ได้

กรณีนี้คงไม่แตกต่างจากกรณีลูกชายของผู้นำม็อบคนดีอย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ ถูกศาลสั่งจำคุก 3 ปีโดยไม่รอลงอาญากรณีบุกรุกที่ดินเขาแพงบนเกาะสมุย ที่เป็นภาพสะท้อนว่า คนดีที่เที่ยวป่าวประกาศต่อมวลมหาประชาชนก่อนหน้านี้ ผลจากคำตัดสินที่จำนนด้วยหลักฐานของการโกงบ้านเมือง เป็นบทพิสูจน์น้ำคำที่โพนทะนาว่า ไม่เคยทำอะไรผิดกฎหมาย เป็นจริงหรือไม่

เหมือนอย่างกรณีของคนที่ลงทุนชูตัวเองว่าเป็นพวกต่อต้านคอร์รัปชั่น ไม่เอาการโกง ทั้งๆ ที่เป็นพวกวัวสันหลังหวะ โกงภาษีทุกรูปแบบ มิหนำซ้ำ บางรายยังเป็นเจ้าของที่ดินจำนวนมหาศาล แต่ก็อีกนั่นแหละ เมื่อเข้าไปสังฆกรรมกับบรรดาคนดีที่อุปโลกน์กันขึ้นมาแล้ว คนเหล่านี้จึงทำอะไรก็ไม่ผิด หรือ ผิดก็ช่วยกันตะแบงจากดำให้กลายเป็นขาว ยืนยันกันว่าไม่มีเจตนาอะไรเทือกนั้น

ความชอกช้ำของคนยากคนจน คงถูกตอกย้ำหนักมากขึ้น จากนโยบายจับผู้บุกรุกป่า ซึ่งที่ปรากฏเป็นข่าวส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านที่ยากจน แม้แต่เข้าไปหาของป่าก็โดนเล่นงาน แต่ตัวการใหญ่ที่ครอบครองที่ดินเป็นแสนไร่ล้านไร่ กลับสามารถเข้าไปใช้พื้นที่ทำประโยชน์สารพัด มิหนำซ้ำ ยังมีภาพใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจจับมือกันทำโน่นทำนี่ โดยใช้เรื่องของบ้านเมืองมาบังหน้า ทั้งๆ ที่ฉากหลังคือการสุมหัวกันโกง

อย่างไรก็ตาม ข้อดีของการรัฐประหารที่ไม่มีใครเถียงได้ เป็นอย่างที่ นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ บอกไว้คือ การรัฐประหารต่างหากที่เป็นของดี เพราะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่วุ่นวาย เนื่องจากคงมีเพียงรัฐบาลทหารเท่านั้น (จริงๆ) ที่มีอำนาจใช้กฎหมายพิเศษต่างๆ ในการควบคุมประชาชนให้อยู่ในระเบียบวินัย อนุญาตให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกที่จำกัด และสามารถละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของทุกคนในประเทศนี้ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย แน่นอนว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนไม่สามารถทำเช่นนี้ได้

แต่เรื่องอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ล่ะ รัฐประหารทำให้ดีขึ้นจริงหรือไม่ เพราะรัฐประหารทีไรสภาพเศรษฐกิจของประเทศก็ย่ำแย่ลงทุกครั้ง และกว่าจะฟื้นตัวก็ต้องรอให้รัฐบาลเลือกตั้งเข้ามาแก้ปัญหาให้ทุกที คนที่ไม่ใช่ข้าราชการคงรู้ซึ้งถึงพิษเศรษฐกิจตกต่ำ และไม่ต้องการให้สภาพขาลงเช่นนี้อยู่ต่อเนื่องยาวนานอย่างแน่นอน

ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจ ลูกจ้าง ผู้ใช้แรงงาน พนักงานออฟฟิศหรือเป็นใครก็ตาม ย่อมได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ดิ่งเหวแบบนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งในความเป็นจริง ปัญหาเศรษฐกิจไม่ใช่เพียงเรื่องของปากท้องเท่านั้น แต่ถือเป็นรากเหง้าของอีกหลายปัญหา โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นต่อสังคม

ความอดอยากแร้นแค้นเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ตั้งแต่ปัญหาอาชญากรรม ลักชิงวิ่งราว ปล้น ไล่เรียงจนถึงสวัสดิภาพในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ยังไม่นับปัญหาอบายมุขต่างๆ ทั้งการพนันและยาเสพติดที่ล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับปัญหาเศรษฐกิจปากท้องทั้งสิ้น มีแค่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เห็นคือ ม็อบของกลุ่มปัญหาความเดือดร้อน

แต่หากยังปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปอย่างนี้ มีคนตกงานเพิ่ม คนว่างงานมากขึ้น ส่วนภาคธุรกิจก็น่าจะรู้ดีกว่าใครเพื่อนว่าทำมาค้าขายได้คล่องเหมือนในยุครัฐบาลเลือกตั้งหรือไม่ วันนี้ พวกที่เคยสนับสนุนม็อบนกหวีดต่างส่ายหน้ากันเป็นแถว เหล่านี้คือโลกแห่งความเป็นจริง การเที่ยวโพนทะนาว่า นานาชาติยอมรับนั้น มันก็แค่มารยาทางการทูตเท่านั้น

ภาพที่เห็นได้เด่นชัดอีกประการคงเป็นถ้อยแถลงของอียู ที่ชื่นชมต่อกระบวนการแก้ไขปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนของพม่า ภายใต้การนำของ ออง ซาน ซูจี แม้จะมีคำถามเรื่องชาวไทยพุทธกับมุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่ แต่ชาวโลกก็เห็นว่ารัฐบาลพลเรือนพม่าได้พยายามแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญหรือยูเอ็นจีเอ ที่นิวยอร์กปีนี้ จะเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่จะไม่มีการหยิบยกการแก้ไขปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนในพม่าเข้าสู่ที่ประชุม

ผิดกับประเทศไทยที่แม้ท่านผู้นำจะไปประกาศความภาคภูมิใจที่ยกเลิกการนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร แต่ในทางตรงข้าม ก็ยังคงถูกตรวจสอบอย่างใกล้ชิดพร้อมกับการเรียกร้องอย่างต่อเนื่องจากองค์กรระหว่างประเทศให้รีบคืนประชาธิปไตยและหยุดการละเมิดสิทธิมนุษยชน ผลกระทบที่เห็นได้ชัดคือ ผู้ที่ทำธุรกิจด้านการส่งออก

แต่ก็อีกนั่นแหละ เมื่อบรรดาคนดีเลือกที่จะอยู่กับอำนาจของรัฏฐาธิปัตย์ จึงเป็นอย่างที่นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ว่าไว้ คราวที่แล้วบิ๊กบังอยู่ปีกว่าๆ ยังมีเรื่องบ่นกันไม่เลิก คราวนี้บิ๊กตู่จะอยู่ยาวนานกว่ารัฐบาลเลือกตั้งเสียอีก ถึงตอนสุดท้ายไม่รู้ว่าจะเหลือกันสักกี่คนที่ยังหายใจได้อยู่ แต่ทำไงได้เกิดเป็นคนไทยต้องมีใจอดทน อยู่ที่ว่าจะทนกันได้นานขนาดไหนเท่านั้นเอง

Back to top button