SALEE บวกกว่า 4% โบรกฯ แนะ “ซื้อ” คาดกำไร H2/59 โตแรง
SALEE บวกกว่า 4% ล่าสุด ณ เวลา 11.52 น. ราคาอยู่ที่ 1.52 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 4.11% สูงสุดที่ 1.53 บาท ต่ำสุดที่ 1.44 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 17.66 ล้านบาท โบรกฯ แนะ “ซื้อ” ชูเป้า 2 บ. คาดกำไร H2/59 โตแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ SALEE ณ เวลา 11.52 น. ราคาอยู่ที่ 1.52 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 4.11% สูงสุดที่ 1.53 บาท ต่ำสุดที่ 1.44 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 17.66 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมลบ 0.30%
ด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น SALEE ราคาเป้าหมายปี 2560 ที่ 2.0 บาท/หุ้น อิง PER 22 เท่า โดย SALEE ประกอบธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติกและผลิตฉลากสินค้าคุณภาพสูง มีจุดที่น่าสนใจโดยเป็นหุ้น Small cap ที่ตลาดยังมองข้าม ขณะที่ ผลประกอบการจะเห็นการ Turnaround อย่างชัดเจนในช่วง 2 ปีนี้เฉลี่ยปีละ 100% และยังมี upside risk จากประมาณการ รวมถึง โอกาสนำบ.ย่อย เข้าตลาดหุ้นในอนาคต นอกจากนี้ ระดับ Valuation ยังน่าสนใจ โดยมีระดับ 17F PER เพียง 15 เท่า โดยราคาหุ้นปรับลดลงมา 48% ช่วง 2 ปีนี้ โดยเฉพาะในระยะสั้น ลดลงถึง 19% มองเป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ และเป็นตัวเลือกที่ดีในภาวะที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
คาดจะเห็นการ Turnaround อย่างชัดเจน เพิ่มขึ้น 100% ปีนี้ และ 107% ปีหน้า ขณะที่ระยะสั้นงวด ครึ่งปีหลังปีนี้คาดกำไรจะเป็นจุดสูงสุดที่ 45 ล้านบาท โตแรง +487% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน, +118% จากครึ่งปีแรกของปี 59 จาก 1) SLP (ผลิตฉลากสินค้า ; SALEE ถือ 65% และคิดเป็น 77% ของกำไร SALEE) จะฟื้นตัวแรงตามภาวะเศรษฐกิจ รวมถึง การทำตลาดผ่านเทคโนโลยีใหม่ จะเป็นจุดที่สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งอีกครั้ง และช่วยหนุน Margin ระยะยาว โดยบริษัทเตรียมเพิ่มเครื่องจักรเพื่อมารองรับงานประเภทนี้แล้ว และคาดกำไร SLP ช่วง 2 ปีนี้จะฟื้นตัวแรงกว่า 3 เท่าตัว จาก 29 ล้านบาทปี 2558 เป็น 110 ล้านบาทปี 2560 และ
2) การต่อยอดมาเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก ผ่านบ.เพชรสยาม (SALEE ถือหุ้น 75.5%) มองว่าเป็นการลงทุนที่ดีมาก จากราคาซื้อคิดเป็น PER 17F ไม่เกิน 5 เท่า,Payback ราว 3 ปี,มีกำไรตั้งแต่ปีแรกและสามารถสร้าง Synergy กับธุรกิจผลิตฉลากสินค้า (เพิ่ม Value-added) โดยบ.เพชรสยามเป็นผู้ประกอบการผลิตถังสังฆภัณฑ์และถังพลาสติกรายใหญ่ ครอง Market share ใน BlGC กว่า 50% มองว่ามี Potential growth สูง จากทั้งการเพิ่มช่องทางจำหน่าย, เพิ่มสินค้า value-added และสินค้าอื่น โดยประเมินกำไรเพชรสยามอิง Conservative ปี 2559 – 61 (เริ่มก.ค.16) จะอยู่ที่ 8, 53 และ 60 ล้านบาท ตามลำดับ ยังต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทค่อนข้างมาก