ฟันด์โฟลว์ กับ กองทุนลูบคมตลาดทุน
วานนี้ (28 ก.ย.) นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยอีกครั้งกว่า 766 ล้านบาท
ธนะชัย ณ นคร
วานนี้ (28 ก.ย.) นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยอีกครั้งกว่า 766 ล้านบาท
ส่วนก่อนหน้านี้ขายมา 3 วันติดต่อกัน
ทว่า ตัวเลขยอดขายนั้นไม่มากครับ
ทำให้ยอดซื้อสุทธิของฟันด์โฟลว์ในช่วงเดือนกันยายนพุ่งขึ้นมาอีก 1.90 หมื่นล้านบาท
และหากดูตัวเลขจากต้นปี 59 มาถึงวานนี้ ยอดซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติก็ขึ้นมาอยู่ที่ 1.34 แสนล้านบาท
ขณะที่ “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” กรรมการผู้จัดการ บล.ซี แอล เอส เอ บอกว่า นี่แค่น้ำจิ้มนะ
เพราะฟันด์โฟลว์ยังคงเข้ามาซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง และยิ่งหากโครงการลงทุนภาครัฐเดินหน้ามากกว่านี้อีก เงินก็จะยิ่งเข้ามาลงทุนอีก
สมมุติหากผมทำงานอยู่ในวงการตลาดทุนนะ
หรือมีตำแหน่งอะไรก็ได้ซักหน่อยที่พอจะเข้าถึงท่านนายกรัฐมนตรี “บิ๊กตู่” ได้
จะบอกท่านนายกฯ เอาตัวเลขยอดซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติไปโชว์ หรือไปพูดในการแถลงข่าวซักหน่อย
เห็นไหมๆ ต่างชาติยังเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย
ซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มก็จะยังคงเข้ามาลงทุนเพิ่มอีก
ผ่านมาถึงวันนี้ ก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่า เหตุใด ไม่มีใครไปเสนอนายกรัฐมนตรี ในประเด็นดังกล่าวเลย
หรือเกรงว่า ท่านนายกฯ ดูตัวเลขการซื้อขายของนักลงทุนทุกกลุ่ม และถามกลับว่า อ้าว…แล้วทำไมนักลงทุนสถาบัน (กองทุน) ถึงขายสุทธิออกมาล่ะ? ขายต่อเนื่องเลยนะ…?
ไม่เชื่อมั่นกันแล้วใช่ไหม…?
ในเดือนกันยายนนี้นั้น นักลงทุนสถาบันมียอดขายสุทธิ 1.75 หมื่นล้านบาท
ส่วนจากต้นปีมาถึงวานนี้ ก็ขายสุทธิแล้วเช่นกันกว่า 5.13 หมื่นล้านบาท
ขณะที่วานนี้ ก็มีข่าวว่า เทกระจาดช่วงท้ายตลาด สาดหุ้นตัดเป้งๆ ออกมา กดดัชนีซะลงไปลบ 9.91 จุด ทำตัวเป็นไอ้โม่งร่วมทีมแก๊งสี่โมงเย็น
ส่วนตัวนั้น ก็เข้าใจเรื่องการซื้อขายหุ้นบ้าง
มีคนซื้อ ก็ย่อมมีคนขาย
ซื้อหุ้นมาในพอร์ตแล้ว เมื่อมีกำไรก็ต้องขายออกไป เพราะไม่ได้ทำงานมูลนิธิ ทำงานเพื่อสังคม ฯลฯ
เพียงแต่รูปแบบของการขายนั้น หากอยู่ในหลักการลงทุนที่ควรจะเป็น ก็เข้าใจได้
แต่นี่เล่นแบบตีหัวเข้าบ้านกองโจร มองแบบสั้นๆ แค่เอื้อมถึงพอหยิบจับได้ เหมือนไม่มั่นใจ ซึ่งทาง คสช.น่าจะเรียกไปปรับทัศนคติกันซักหน่อยนะ
กลับมาที่นักลงทุนต่างชาติ
ก่อนหน้านี้ ผมเคยบอกแล้วว่า เขามองยาวๆ
ปัจจัยภายในประเทศบางปัจจัย เขาก็ไม่ได้จับมาใส่ว่าเป็นปัจจัยลบต่อการลงทุน อาจด้วยเพราะมองว่า ไม่ได้เกี่ยวเนื่องกันแบบมีนัยสำคัญ
ต่างชาติก็ยังให้ความสำคัญกับนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล
ความมั่นคงของรัฐบาล
การยึดกรอบทำงานไปตามโรดแม็พของ คสช.
ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน หรือ บจ.ต่างๆ ดูกันเป็นรายตัว คัดแล้วคัดอีก และการที่ (ต่างชาติ) ยังซื้อสุทธิ ก็ย่อมแสดงว่า ของดีราคาถูกยังคงมีอยู่ในตลาดหุ้นไทย
3 วันที่ผ่านมารอบสัปดาห์นี้ มูลค่าซื้อขายเบาบางมาก
เฉลี่ย 3.5 หมื่นล้านบาทต่อวัน เท่านั้น
ส่วนสัปดาห์หน้า หากนักลงทุนเชื่อมั่น มีความมั่นใจ เหมือนกับที่ต่างชาติมี ก็น่าจะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาได้บ้าง
โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ราคาหลายตัวลงไปต่ำกว่าบุ๊ค
ในช่วงกลางเดือนต.ค. หุ้นแบงก์จะเริ่มประกาศผลประกอบการกันแล้ว
เท่าที่คุยกับนักวิเคราะห์หลายคน ในเบื้องต้นต่างมองว่า ผลประกอบการนั้นจะออกมาดีกว่าที่คาดไว้ เช่น กำไรเพิ่มขึ้น หนี้เสียชะลอตัว และบางแห่งปรับลดลง
ตลาดหุ้นไทยยามนี้ จะพึ่งแรงต่างชาติอย่างเดียวไม่ได้
นักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนเอง ก็ต้องทำตัวให้เป็นที่พึ่งได้ด้วย