ลงซื้อ ขึ้นขายโมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นอะไรที่อยู่ในความคาดหมายของแต่ละคนอยู่แล้ว เพียงแต่ใครจะฉกฉวยจังหวะเข้าทำแล้วถอยฉากได้เร็วกว่ากันนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่แฟนคลับต้องทำความเข้าใจให้ดีตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะรูปแบบการลงทุนเที่ยวนี้เป็นลักษณะ “เข้าเร็ว ออกเร็ว” ค่อนข้างชัดเจน แถมหุ้นหลายตัวยังย่อตัวลงอย่างต่อเนื่องแบบนี้…ห้ามเผลอเป็นอันขาดเจ้าค่ะ

*ฉะนั้น การที่ดัชนีอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,483.21 จุด ลบไป 8.22 จุด ด้วย มูลค่า 3.99 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นมูฟเม้นท์ที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่น้อย เพราะสถานการณ์ที่พูดถึงในเที่ยวนี้ มันมีองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องด้วยกันหลายอย่าง จึงต้องยึดหลักการลงทุนแบบ “ลงซื้อ ขึ้นขาย” เน้นเอากำไรสั้นๆ ไม่เกิน 5% ต่อจากนั้นรีบชิ่งออกมายืนดูที่ขอบสนาม พอสบจังหวะงามๆ ค่อยกระโจนเข้าใส่อีกรอบนะคะ

*ที่สำคัญคือ วันนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม โพสิชั่นของตลาดหุ้นไทย ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ หรือแม้กระทั่งหุ้นทีเด็ดยังขยับขึ้นได้ไม่เกิน 10% “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับหันมาเล่นหุ้นแบบตั้งรับมากกว่าเล่นเกมบุกสุดตัว เพราะไม่มีความจำเป็นต้องเร่งเกม บวกกับแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในช่วงหลังๆ ก็ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ภาพของการลงทุนถึงเป็นลักษณะแกว่งตัวออกด้านข้างไงล่ะค่ะ

*หุ้นอีกหนึ่งตัวที่ “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับจับตาดูให้ดีในเที่ยวนี้ก็คือ PLANB ซึ่งกูรูสำนักต่างๆ ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 7 บาท (อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ นายหัว ก.ล.ต. คงไม่หวดก้นหนูหรอกนะ) ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานยืนอยู่ที่ระดับ 5.20 บาท มันช่างเป็นช็อตที่เหมาะต่อการเก็บหุ้นเงียบๆ ดีเหลือเกิน…งานนี้พูดได้ทันทีว่า รู้กันแล้ว ก็พยายามเงียบๆ ไว้นะคะ

*ส่วนที่รวยแบบเงียบๆ อย่าง SUTHA มันเป็นมูฟเม้นท์ที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกตงิดใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะอยู่ในตลาดหุ้นยังไม่ทันหม้อข้าวดำ ก็ขายหุ้นของตัวเองออกไปอีกทอดหนึ่งแบบนี้ มันเป็นเกมหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองชัดๆ ซึ่งเป็นการถอยฉากที่เด็กอนุบาลยังรู้เลยว่า ใครรวย? วันนี้ถึงไม่ต้องถามความเห็นของเฮีย “เกียรติกุล” เพราะคงไม่มีอะไรให้น่าติดตามอีกแล้ว…แถมมูลค่าการซื้อขายในแต่ละวันก็มีไม่ถึง 1 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาเสนอซื้อ 6.50 บาท ไม่นัยสำคัญอะไรมากมาย เพราะหุ้นก็ตอบรับเรื่องนี้ด้วยการขึ้นมายืนที่ 6.65 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่า 252 ล้านบาทไปแล้วนะซี

*ส่วนหุ้นที่มีนัยสำคัญสุดๆ ในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปยัง TKN หลังพยายามเทกตัวขึ้นไปหายอดเดิมที่บริเวณ 24 บาท แต่สุดท้ายทำได้แค่เพียงแตะขอบ 22.50 บาท ต่อจากนั้นไหลรูดลงมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 20.50  บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 4.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 507 ล้านบาท มันตีความได้ว่า หุ้นมีโอกาสอ่อนตัวลงไปอีก หลังแรงส่งมีไม่มากพอ อีกทั้งสัญญาณเทคนิค 10 วัน กับ 25 วัน พร้อมใจโค้งตัวลงแบบนี้ สงสัยต้องไปรอรับที่เส้นแนวรับ 75 วัน บริเวณ 20 บาทแล้วกระมัง!

*ประเด็นดังกล่าวคล้ายคลึงกับน้อง BEM หลังจากทะยานขึ้นไปแตะ 8.90 บาท เมื่อเดือนส.ค. ราคาหุ้นก็กวัดแกว่งลงมาเรื่อยๆ แถมแพทเทิร์นดังกล่าวก็ลามมาถึงเดือนก.ย. ประมาณครึ่งเดือน หลังจากนั้นก็พยายามเทกตัวขึ้นอีกรอบ สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จตามที่ใจหวังสักที  “โมนิก้า” ถึงรู้สึกไม่สบายใจอย่างแรงที่เห็นหุ้นลงมานอนแอ้งแม้งอยู่ที่ 6.90 บาท ลบไป 0.15 บาท ด้วยมูลค่า 546 ล้านบาท งานนี้ไปรอรับแถว 6.20 บาทดีกว่านะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ CKP หลังจากขึ้นไปแตะยอด 3.50 บาท หลังจากนั้นก็แกว่งตัวลงมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายมาปิดที่ 3.28  บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่า 175 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะสู้ดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวถือเป็นจุดที่น่าทยอยเก็บสุดๆ เพราะเมื่อดูจากเส้นแนวรับ 75 วันที่บริเวณ 3 บาท ซึ่งเป็นจุดเด้งกลับที่เกิดขึ้นมาแล้ว 3 รอบด้วยกัน จึงเป็นอะไรที่น่าติดตามพะยะค่ะ

*สถานการณ์ดังกล่าวคล้ายคลึงกับ PTL ซึ่งโผล่มาแบบวูบวาบนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นวัฏจักรของหุ้นที่ขึ้นๆ ลงๆ ตามผลประกอบการ และรอบนี้ก็เป็นจังหวะที่บริษัททำผลงานได้ค่อนข้างดีเสียด้วย หุ้นถึงกระชากขึ้นมาปิดที่ 12.50 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 7.80% ด้วยมูลค่า 320 ล้านบาท แถมวันนี้เป็นการเทรดหุ้นบนค่า P/BV ที่ระดับ 1.10 เท่า ยังมีแก๊ปให้เล่นต่อหรือไม่…ลองคิด*เหมือนกับเหตุการณ์ของหุ้น PIMO บวกสวนกระแสได้อย่างน่าทึ่ง ก่อนจะปิดเกมด้วยการปิดที่ 3.02 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 7% ด้วยมูลค่า 308 ล้านบาท พร้อมกับทำ new high สดๆ ร้อนๆ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของกระแสความเชื่อมั่นที่มีต่อบริษัท รวมทั้งแผนงานในการเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรก็ชัดเจน วันนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งแบบระเบิดเถิดเทิง…ไปต่อหรือไม่ คงต้องถามว่า P/E 40 เท่า ยังกล้าเล่นกันไหม…อิอิอิ