ตีหัวเข้าบ้านโมนิก้าและทีมงาน

*หากเฝ้าติดตามตลาดหุ้นมาระยะหนึ่งจะเห็นว่า ทุกครั้งที่ดัชนีกำลังทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง มักเจอกับแรงเทขายทำกำไรออกมาเป็นประจำ จนดัชนีต้องแกว่งตัวออกด้านข้างสักระยะหนึ่ง ก่อนจะเลือกทางเดินว่า “ขึ้น” หรือ “ลง” มันเป็นเหตุการณ์ปกติที่พบเห็นได้เป็นประจำในยามที่นักเล่นกำลังเล่นเกมชิงไหวชิงพริบ ซึ่งยังไม่รู้ว่า ใครจะเป็นผู้ชนะในเกมดังกล่าวนะคะ


*หากเฝ้าติดตามตลาดหุ้นมาระยะหนึ่งจะเห็นว่า ทุกครั้งที่ดัชนีกำลังทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง มักเจอกับแรงเทขายทำกำไรออกมาเป็นประจำ จนดัชนีต้องแกว่งตัวออกด้านข้างสักระยะหนึ่ง ก่อนจะเลือกทางเดินว่า “ขึ้น” หรือ “ลง” มันเป็นเหตุการณ์ปกติที่พบเห็นได้เป็นประจำในยามที่นักเล่นกำลังเล่นเกมชิงไหวชิงพริบ ซึ่งยังไม่รู้ว่า ใครจะเป็นผู้ชนะในเกมดังกล่าวนะคะ

*วันนี้ถึงไม่ต้องถามหาเรื่องอื่นให้เสียเวลา เพราะเพียงแค่มองพฤติกรรมของนักลงทุนแกนหลักที่เป็นคนดันหุ้น ต่อจากนั้นหันมาเป็นคนขายหุ้นอย่างรวดเร็ว “โมนิก้า” ก็รู้ได้ทันทีว่า การขึ้นของหุ้นในเที่ยวนี้จะไม่ยืดยาวสักเท่าไหร่! ซึ่งเป็นผลมาจากรูปแบบของการเล่นยังเป็นลักษณะ “เข้าเร็ว ออกเร็ว” ส่งผลให้หุ้นตัวเดิมๆ ไม่สามารถทะยานขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิมได้พะยะค่ะ

*ที่น่าสนใจสุดๆ ในเที่ยวนี้คือ เมื่อดูจากท่าทีของเฟดบางคนต้องการให้ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้าช่วงต้นเดือนพ.ย. ย่อมทำให้ตลาดหุ้นตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากอีกครั้งอย่างแน่นอน และจะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนอีกรอบ ซึ่งจังหวะนี้จะเป็นการเขย่าตลาดหุ้นที่รุนแรง แต่ก็เป็นโอกาสสำหรับชาวสวนที่คิดว่า ตัวเองเอาตัวรอดในภาวะคับขันได้นะจ๊ะ

*ฉะนั้น การที่ดัชนีแกว่งตัวไปมา ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 1,509.92 จุด บวกไป 0.14 จุด ด้วยมูลค่า 4.46 หมื่นล้านบาท จึงเป็นอีกหนึ่งภาพที่ยืนยันการเล่นหุ้นแบบตีหัวเข้าบ้านของกองทุนตัวแสบได้เป็นอย่างดี ซึ่งเรื่องนี้ยืนยันได้จากยอดซื้อสุทธิเมื่อวันก่อน 3 พันล้านบาท ต่อมาวานนี้เทขายหุ้นออกไปทั้งสิ้น 1.30 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถึงไม่อยากให้แฟนคลับติดอยู่ในวังวนของการทำตัวเชื่องช้าเจ้าค่ะ

*เนื่องจากของมันเห็นกันอย่างทนโท่ว่า วันนี้ต้อง “คิดเร็ว ทำเร็ว” พร้อมกับยึดคติเรื่องการหาช่องทางในการทำกำไรให้ขึ้นใจ โดยเฉพาะในส่วนของวลีเด็ดที่ว่าด้วยเรื่อง “ขายหมูดีกว่าขายขาดทุน” เพราะมันทำให้เหล่านักเล่นรู้ตัวว่า ยังทำกำไรได้ในภาวะผันผวน “โมนิก้า” ถึงพยายามเปิดอ็อปชั่นใหม่ๆ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวให้ผู้คนทั่วไปได้รู้ว่า ยังมีหุ้นสตอรี่ดีอีกหลายตัวที่เล่นได้นะจ๊ะ

*งามหยดย้อยที่สุดในเที่ยวนี้กลายเป็น WHA เพราะกลายเป็นหุ้นที่รับทั้งผลบุญเก่า และผลบุญใหม่ แบบเนื้อๆ เน้นๆ จนดูเหมือนหนทางในอนาคตจะโรยด้วยกลีบกุหลาบไปทุกเส้นทางเสียแล้ว ราคาหุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.32 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 4.40% ด้วยมูลค่า 965 ล้านบาท ขณะที่ยอดเก่าดังเดิมอยู่แถว 3.70 บาท จึงเป็นจังหวะของการตามไปดูอย่างไม่ต้องสงสัยเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ BANPU กระชากขึ้นมาปิดที่ 16.90 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่า  3.70 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นหนังม้วนเก่าที่ฉายซ้ำเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งก่อนหน้านี้ประมาณ 3 ครั้งที่ผ่านมา พวกกูรูสำนักใหญ่ๆ ก็เม้าท์ถึงสตอรี่ที่ทำให้หุ้นขึ้น ล้วนมาจากถ่านหินฟื้นตัว บริษัทลูกกำลังจะเข้าตลาดหุ้น แวลูตัวแม่จะเพิ่มขึ้นเป็นกอง แต่สุดท้ายหุ้นก็จอดแถว 17 บาท วันนี้ถึงเป็นการวัดกำลังซื้ออีกครั้ง…หากผ่านไปได้จะตั้งลำที่สูงขึ้น พร้อมกับโบยบินขึ้นไปอีก…หากผ่านไปไม่ได้ ก็มาเซ็ทกันใหม่อีกรอบนะคะ

*ประเด็นดังกล่าวคล้ายคลึงกับหุ้นน้องใหม่ BCPG โบยบินพร้อมด้วยแรงส่งเป็นจำนวนมาก จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 13 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 7.45% ด้วยมูลค่า 2.75 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของจังหวะเวลาที่เอื้อให้เข้ามามาตะลุมบอลกันอีกรอบ ซึ่งขึ้นอยู่กับมือใครยาวสาวได้สาวเอา และพอใจจะไปจบตรงราคาไหน? เพราะมันเป็นเรื่องของบรรยากาศมันพาไปเจ้าค่ะ

*สำหรับในรายของ KKP น่าจะเป็นอีกหนึ่งช็อตเด็ดที่ต้องเฝ้าติดตามดูให้ดีๆ หลังหุ้นไต่ระดับขึ้นมาปิดที่ 59 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่า 790 ล้านบาท “โมนิก้า” มองว่า มันน่าจะมีอะไรมากกว่าที่เป็นอยู่ แรงซื้อถึงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องจริงจะเป็นเช่นไร? ในไม่ช้าคงมีคนออกมาเฉลยอย่างแน่นอน แต่ในจังหวะนี้ต้องกระโจนเข้าใส่ไว้ก่อนเจ้าค่ะ

*อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่คล้ายกันคงเป็นรายการของ SAPPE กระชากขึ้นมาปิดที่ 29.25 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 7.30% ด้วยมูลค่า 340 ล้านบาท ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังรูดลงมาจากระดับ 30 บาท “โมนิก้า” ถือเป็นโมเม้นต์ของการเล่นตามน้ำเหมือนเช่นเคย เพราะยอดเก่าของหุ้นตัวนี้อยู่ที่บริเวณ 32 บาท ส่วนเรื่องอื่นไว้คุยกันทีหลัง ไม่เช่นนั้นจะเสียเวลาเคาะขวาไปเปล่าๆ…อิอิอิ

*เช่นเดียวกับในรายของ ITEL หุ้นสุดฮิตที่ขาประจำรู้กันอยู่แก่ใจว่า ทุกอย่างกำลังไปได้สวย โปรเจ็กต์ใหม่กำลังผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด และรอวันที่จะเก็บดอกผลอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยในปีหน้า “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่เห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 9.15 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 4.60% ด้วยมูลค่า 148 ล้านบาท เพราะราคาเหมาะสมของผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีมองไว้นั้น มันสูงกว่านี้ตั้ง 40-50% จริงหรือไม่? ลองย้อนกลับไปดูพัฒนาการของหุ้นตัวแม่ ILINK ในช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้อยู่ที่บาท และวันนี้ขึ้นมายืนอยู่ที่กี่บาท…งานนี้ถ้าไม่รักกันจริง ก็คงไม่เล่ารายละเอียดเยอะแยะไปหมดหรอกค่ะ

Back to top button