UREKA พุ่งกว่า 6% คาด H2/59 มีแนวโน้มฟื้นตัว

UREKA พุ่งกว่า 6% คาด H2/59 มีแนวโน้มฟื้นตัว ล่าสุด ณ เวลา 10.55 น. ราคาอยู่ที่ 1.53 บาท บวก 0.09 บาท หรือ 6.25% สูงสุดที่ 1.58 บาท ต่ำสุดที่ 1.48 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 4.04 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ยูเรกา ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ UREKA ณ เวลา 10.55 น. ราคาอยู่ที่ 1.53 บาท บวก 0.09 บาท หรือ 6.25% สูงสุดที่ 1.58 บาท ต่ำสุดที่ 1.48 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 4.04 ล้านบาท 

UREKA20161006

นายนรากร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ UREKA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559 คาดว่าจะมีกำไร จากช่วงครึ่งปีแรกที่ขาดทุน 24.85 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 182.50 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในปีนี้ประมาณ 130 ล้านบาท และส่วนที่เหลืออีก 52.50 ล้านบาท จะรับรู้ในปีถัดไป

อีกทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจางานใหม่เพิ่มเติมในกลุ่มผลิตเครื่องจักร มูลค่าประมาณ 40-50 ล้านบาท คาดว่าจะทราบผลภายในเดือนก.ย.นี้ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะได้รับงานดังกล่าว แต่ปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้ของงานดังกล่าวเพียงบางส่วนเท่านั้น นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัวพันธมิตรใหม่ด้านโลจิสติกส์ออโตเมชั่น 1 ราย ภายในเดือนก.ย.นี้เช่นกัน ขณะเดียวกันบริษัทคาดว่าจะมีการรับงานได้ 1-2 งานต่อปี โดยปัจจุบันมีผู้สนใจ และเข้ามาเจรจาบ้างแล้ว

 “ถ้าหากบริษัทได้งานใหม่เพิ่มเติม ซึ่งเป็นงานโลจิสติกส์ออโตเมชั่น ประมาณ 1-2 งาน มูลค่างานละประมาณ 100 ล้านบาท จะส่งผลให้บริษัทสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดภายในปีหน้า (ปี 2560) จากช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 ที่มีขาดทุนสะสมอยู่ที่ 63.34 ล้านบาท” นายนรากร กล่าว

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของบริษัทในปี 2559 คาดว่ายังคงมีผลขาดทุน จากปีก่อนที่มีขาดทุน 54.53 ล้านบาท และมีการปรับลดเป้ารายได้ของปี 2559 เหลือเพียง 320 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ว่าจะมีรายได้ 450 ล้านบาท เนื่องจากงานผลิตเครื่องจักรที่ได้รับคำสั่งซื้อแล้วมีการส่งมอบงานล่าช้า และงานโครงการประชารัฐ บริษัทได้รับงานน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะได้ประมาณ 100 โครงการ แต่ได้เพียง 20 โครงการเท่านั้น

“ปีนี้บริษัทมีการปรับลดเป้ารายได้ลง เนื่องจากงานที่มีการรับมาส่วนมากพลาดเป้าหมายที่วางไว้ แต่ทั้งนี้จะเริ่มกลับมามีกำไรช่วงครึ่งปีหลังนี้ และจะเริ่มเห็นกำไรต่อเนื่อง จากที่บริษัทมีการปรับลดพนักงานในทุกระดับประมาณ 20% อย่างไรก็ตาม ภาพรวมทั้งปียังคงมีผลขาดทุน แต่คาดว่าจะขาดทุนน้อยกว่าปีก่อน” นายนรากร กล่าว

นายนรากร กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2560 คาดว่าจะสามารถพลิกกลับมามีกำไร และจะมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 30% เนื่องจากสินค้าที่จำหน่ายในปีนี้มีกำไรสูง ทำให้ตั้งเป้าจะมีรายได้ประมาณ 450 ล้านบาท ประกอบด้วย กลุ่มเครื่องจักรประมาณ 300 ล้านบาท, งานระบบอัตโนมัติ (Automation) ประมาณ 50 ล้านบาท และการขายเครื่องทำความเย็นอัจฉริยะ (Chiller) ประมาณ 100 ล้านบาท

โดยบริษัทวางงบลงทุนในปี 2560 ประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนสายการผลิตใหม่ในประเทศอินเดีย และส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรองรับงานใหม่ๆ เพิ่มเติม ซึ่งเงินทุนดังกล่าวจะมาจากการแปลงสภาพจากใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) ที่จะมีการแปลงสภาพในเดือนพ.ย. 59 และเดือนเม.ย. 60 มีมูลค่ารวมประมาณ 100 ล้านบาท คาดหวังผู้ใช้สิทธิประมาณ 50 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากไม่เพียงพอ บริษัทยังคงสามารถกู้จากสถาบันทางการเงินได้ เนื่องจากปัจจุบันมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียงแค่ 0.9 เท่า

Back to top button