บลูชิพมีวันนี้…เพราะกองทุนให้โมนิก้าและทีมงาน
*วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า”ต้องขออนุญาตเม้าท์ถึงพฤติกรรมของกองทุนตัวแสบอีกหนึ่งวัน เพื่อทำให้แฟนคลับรู้ถึงแก่นแท้ของการลงทุนจริงๆ มันก็เหมือนกับเกมหุ้นที่เห็นกันจนชินตา แม้ในบางจังหวะจะทำให้ทุกคนเกิดอารมณ์คล้อยตาม แต่สุดท้ายก็ต้องมาวัดกันที่ความไวของแต่ละฝั่ง ส่งผลให้การเคลื่อนตัวของดัชนีในช่วงนี้เป็นลักษณะแกว่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องไงล่ะค่ะ
*วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า”ต้องขออนุญาตเม้าท์ถึงพฤติกรรมของกองทุนตัวแสบอีกหนึ่งวัน เพื่อทำให้แฟนคลับรู้ถึงแก่นแท้ของการลงทุนจริงๆ มันก็เหมือนกับเกมหุ้นที่เห็นกันจนชินตา แม้ในบางจังหวะจะทำให้ทุกคนเกิดอารมณ์คล้อยตาม แต่สุดท้ายก็ต้องมาวัดกันที่ความไวของแต่ละฝั่ง ส่งผลให้การเคลื่อนตัวของดัชนีในช่วงนี้เป็นลักษณะแกว่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องไงล่ะค่ะ
*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” มีความมั่นใจมากขึ้นไปอีกขั้นว่า ดัชนีขึ้นมาปิดที่ 1,513.86 จุด บวกไป 3.94 จุด ด้วยมูลค่า 5.09 หมื่นล้านบาท มันเกิดจากกองทุนตัวแสบทุ่มเงินซื้อหุ้นไปทั้งสิ้น 790 ล้านบาท ขณะที่นักเล่นกลุ่มอื่นเทขายหุ้นออกมาเป็นระยะ แต่ดัชนีก็ยังยืนหยัดปิดในแดนบวกได้อย่างหวาดเสียวแบบนี้ เดี๊ยนคงต้องกล่าวคำแสดงความยินดีว่า “บลูชิพมีวันนี้…เพราะกองทุนให้” นะคะ
*เนื่องจากเมื่อเหลือบดู 10 อันดับหุ้นที่ซื้อขายบนกระดาน most active ล้วนเป็นหุ้นกลุ่มบลูชิพที่ปิดเขียวปี๋กันอย่างถ้วนหน้า และมีส่วนผลักดันดัชนีให้ทะยานขึ้นต่อไปอย่างแข็งแกร่ง “โมนิก้า” จึงขอสันนิษฐานว่า ดัชนียังมีโอกาสเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ เพราะนักเล่นกลุ่มนี้ต้องเข้ามาเก็บของคืนใส่พอร์ต หลังจากกระหน่ำหุ้นทิ้งอย่างหนักหน่วงไปก่อนหน้านี้นะซี
*ที่น่าสนใจคือ วันนี้ทุกคนมองเรื่องผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง และหลงลืมเรื่องราวในอดีตเสียจนหมดสิ้นแล้วกระมัง วานนี้ถึงเห็นหุ้น CPALL ไต่ระดับขึ้นมาปิดที่ 63.75 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่า 2 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถึงไม่ค่อยอยากมีส่วนร่วมกับการยกระดับเรื่องธรรมาภิบาลสักเท่าไหร่! เพราะเอาเข้าจริงก็เป็นเพียงคำพูดที่สวยหรูไว้คอยสร้างภาพไปวันๆ เดี๊ยนถึงเชื่อว่า หุ้นตัวนี้จะทำ new high ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก…ไม่เชื่อลองถามผู้จัดการกองทุนสำนักต่างๆ ดูก็ได้ค่ะ
*เม้าท์ถึงพวกกองทุนแสบๆ ทีไร “โมนิก้า” ต้องย้อนกลับมาดูหุ้น BANPU เป็นประจำทุกสัปดาห์ และหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เชื่อเช่นนั้นก็มาจากประสบการณ์ในอดีต ซึ่งได้เห็นทั้งช่วงที่รุ่งโรจน์ และช่วงที่ตกต่ำแบบสุดขีด กองทุนตัวแสบก็มีส่วน “ช่วยดัน ช่วยทุบ” ตลอดศก…ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 17.40 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 2.95% ด้วยมูลค่า 2.40 พันล้านบาท มันทำให้เชื่อว่า จะมีการดันหุ้นขึ้นไปถึงยอดเดิมที่บริเวณ 18 บาทอีกครั้งไงล่ะค่ะ
*ชัดเจน…แจ่มแจ้ง ต้องยกให้น้องใหม่ BCPG ไต่ระดับขึ้นมาปิดที่ 13.40 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่า 2.29 พันล้านบาท ล้วนเป็นผลมาจากพวกกองทุนตัวแสบช่วยกันดันทั้งนั้น (ตัวเลขมันฟ้องว่า เขาซื้ออยู่คนเดียว) วันนี้จึงไม่จำเป็นต้องถามถึงข่าวสารด้านบวกให้เสียเวลา เพราะตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นเป็นที่เรียบร้อย ก็ไม่เคยสื่อสารให้แมงเม่ารับรู้สักอย่าง วันนี้ถึงต้องเม้าท์ว่า กองทุนเลิกเล่นเมื่อไหร่ หุ้นก็ลงเมื่อนั้นแหละ!…อิอิอิ
*ส่วนในรายที่ดูดีขึ้นมานิดหน่อยอย่าง CKP มีสตอรี่สำคัญมารองรับเต็มประตูหน้าต่าง เมื่อสบช่องได้จังหวะ “ร่วมด้วย ช่วยดัน” หุ้นถึงกระชากขึ้นมาปิดที่ 3.74 บาท บวกไป 0.26 บาท หรือขึ้นไป 7.50% ด้วยมูลค่า 1.25 พันล้านบาท พร้อมกับแสดงเจตนารมณ์ต้องการขึ้นไปทดสอบยอดเดิมที่บริเวณ 4 บาทแบบนี้ มันเป็นจังหวะของการเล่นตามน้ำแล้วรีบถอยฉากอย่างรวดเร็วนะคะ
*เช่นเดียวกับในรายของ SPRC หากดูตามเนื้อเรื่องที่ทำให้หุ้นทะยานขึ้นแรงสุดๆ ก็หนีไม่พ้นราคาน้ำมันดิบถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้นักถอดรหัสตีความออกมาในทันทีว่า กำไรระเบิดระเบ้อแน่ๆ วานนี้ถึงเป็นอีกวันที่หุ้นไต่ระดับขึ้นมาปิดที่ 13 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 9.25% ด้วยมูลค่า 725 ล้านบาท พร้อมกับทำ new high นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นแบบนี้…ไปต่อ หรือไม่ไปต่อ ดูแนวโน้มราคาน้ำมันโลกแล้วกันเจ้าค่ะ
*สำหรับในรายของ TPBI กลายเป็นหุ้นที่กองทุนหวนกลับมาไล่ราคากันอีกครั้ง หุ้นถึงทะยานขึ้นเป็นวันที่ 2 ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 16 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 7.40% ด้วยมูลค่า 163 ล้านบาท พร้อมกับปลุกความหวังของมหาชนคนเล่นหุ้นให้มองเป้าแรกที่ระดับ 17 บาท ต่อจากนั้นขยับเป้าขึ้นไปที่ 19 บาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่ต้องคล้อยตามอย่างไม่มีเงื่อนไขนะจะบอกให้
*ส่วนช็อตเด็ดที่ “โมนิก้า” อยากให้ทุกคนเฝ้าติดตามดูสักนิดในเที่ยวนี้ก็คือ EKH เพราะเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในปี 60 บวกกับอาการของหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 6.30 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 7.70% ด้วยมูลค่า 188 ล้านบาท ย่อมเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า เริ่มมีคนเก็บของเข้าพอร์ตอย่างรีบร้อน หุ้นถึงพุ่งขึ้นก่อนเวลาอันควรอย่างรวดเร็ว งานนี้จริงเท็จอย่างไร? ต้องตามดูกันต่อไปนะคะ
*เหมือนกับในรายของ AUCT ราคาหุ้นทะยานขึ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ล้วนมาจากแผนธุรกิจมีความคืบหน้าไปมาก แถมแต่ละโปรเจ็กต์ที่ทำก็สามารถเห็นได้ด้วย 2 ตา “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 9.10 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 5.80% ด้วยมูลค่า 325 ล้านบาท เพราะแวลูที่นักลงทุนสไตล์คุณค่าให้ไว้มันเป็นตัวเลข 2 หลักต้นๆ จึงเหลือแก๊ปให้เล่นพอสมควรนะจ๊ะ
*เม้าท์ถึงเรื่องหุ้นมาเยอะแยะแล้ว “โมนิก้า” ขอแส่เรื่อง CEO ของโบรกเกอร์ตัวท็อป 4 แห่งสักนิดหนึ่ง ว่ากันว่า “เฮียมนตรี” ก็ประกาศสู้กับ “เจ๊บุญพร” อย่างเต็มกำลัง เพื่อป้องกันไม่ให้มนุษย์ทองคำไหลไปอยู่กับนาง พร้อมกับดึงมือดีจาก บล.คันทรีกรุ๊ปฯ เข้ามาช่วยสยบความอหังการอีกแรงหนึ่ง…ส่วนอีกคู่เป็นการไฝว้กันระหว่าง “ประสิทธิ์” กับ “ภัทธีรา” ซึ่งมีการงัดข้อกฎหมายขึ้นมาพูดเป็นฉากๆ โดยเฉพาะข้อ ทลธ 8/2557 ว่าด้วยเรื่อง Conflict ดูเหมือนจะเป็นท่าไม้ตาย ที่จะทำให้คำ “อุทธรณ์” มีน้ำหนักมากขึ้นแบบนี้…บอกได้คำเดียวว่า ต้องตามไปเผือกเป็นระยะเจ้าค่ะ