กองทุนตัวแสบ…ทิ้งหุ้นเพื่อ?โมนิก้าและทีมงาน

*สุดท้ายตลาดหุ้นไทยก็ติดกับดักในประเทศของตัวเองอีกตามเคย และเป็นอีกครั้งที่ต้องเผชิญกับมรสุมเดิมๆ ที่ถูกปัดฝุ่นขึ้นมาเล่นใหม่ “โมนิก้า” ในฐานะคนดูสถานการณ์แบบห่างๆ อย่างห่วงๆ จึงรู้สึกตงิดใจอย่างรุนแรงเมื่อพบว่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ใต้กำมือของกองทุนตัวแสบอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งพร้อมจะอ้างเหตุผลบ้าๆ บอๆ เพื่อทำให้ทุกคนรู้สึกคล้อยตามไงล่ะค่ะ


*สุดท้ายตลาดหุ้นไทยก็ติดกับดักในประเทศของตัวเองอีกตามเคย และเป็นอีกครั้งที่ต้องเผชิญกับมรสุมเดิมๆ ที่ถูกปัดฝุ่นขึ้นมาเล่นใหม่ “โมนิก้า” ในฐานะคนดูสถานการณ์แบบห่างๆ อย่างห่วงๆ จึงรู้สึกตงิดใจอย่างรุนแรงเมื่อพบว่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ใต้กำมือของกองทุนตัวแสบอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งพร้อมจะอ้างเหตุผลบ้าๆ บอๆ เพื่อทำให้ทุกคนรู้สึกคล้อยตามไงล่ะค่ะ

*งานนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องเลยพุ่งเป้าไปยังการกระทำดังกล่าวมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นตัวแปรหลักที่ทำให้ดัชนีรูดลงมาปิดที่ 1,457.02 จุด ลบไป 47.32 จุด ด้วยมูลค่า 7.41 หมื่นล้านบาท พร้อมกับโชว์ยอดขายสุทธิกว่า 7.26 พันล้านบาทมาจากกองทุนตัวแสบ ขณะที่ปอบผีฟ้าขายหุ้นออกมา 726 ล้านบาท ส่วนฝรั่งตาน้ำข้าวเข้ามาเก็บหุ้น 998 ล้านบาท และคนที่ช้อนซื้อเนื้อๆ สูงถึง 6.89 พันล้านบาท ก็กลายเป็นแมงเม่าอีกตามเคยนะคะ

*นั่นหมายความว่า กองทุนตัวแสบกลายเป็นคนที่ตื่นเต้นกับข้อมูลลึกลับซับซ้อนมากเกินไป ซึ่งเป็นนิสัยที่ไม่ดีเอาเสียเลย และการกระทำในครั้งนี้เป็นการล้ำเส้นมากเกินไปหรือเปล่า? “โมนิก้า” ไม่ขอเป็นคนตัดสินสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะต้องการให้สังคมเป็นคนพิจารณาเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง เนื่องจากไม่ต้องการเป็นคนชี้นำเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น เดี๋ยวจะหาว่า มีอคติเป็นการส่วนตัวเจ้าค่ะ

*ที่สำคัญคือ หากแฟนคลับติดตามข่าวสารที่ “โมนิก้า” ส่งให้กับแฟนคลับเป็นประจำจะเห็นว่า เมื่อวันก่อนเพิ่งแนะนำให้แฟนคลับเล่นหุ้นทีละช็อต พร้อมกับย้ำหนักหนาว่า ต้องดูกันแบบวันต่อวันเลยทีเดียว และดูเหมือนว่า คำเตือนดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนมองเกมหุ้นในช็อตถัดไปได้ดีขึ้น วันนี้ถึงต้องพยายามหาช่องทางในการปล่อยของบางส่วนออกไปเมื่อได้กำไรสัก 3-5% นะจ๊ะ

*สิ่งที่น่ากังวลถัดมาในเที่ยวนี้คือ วานนี้ดันมีข่าวออกมาจากนายตำรวจท่านหนึ่งว่า ให้ทุกคนระวังคาร์บอมบ์ที่จะเกิดขึ้นใน กทม. ในระหว่างวันที่ 25-30 ต.ค. 2559 “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระทบต่อหลายภาคส่วนด้วยกัน และทุกคนก็เคยเห็นเหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์กันมาแล้ว วันนี้ถึงต้องเตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือคาดการณ์ เดี๊ยนถึงรู้สึกห่อเหี่ยวอย่างบอกไม่ถูกพะยะค่ะ

*ฉะนั้น การที่ดัชนีจะยืนหยัดต่อไปอย่างแข็งแกร่ง หรือเกิดอาการอ่อนยวบเหมือนกระดูกยุง คงขึ้นอยู่กับท่าทีของกองทุนตัวแสบไปได้ฮิ้นข่าวใหม่ๆ ที่มีผลต่อการลงทุนหรือเปล่า? “โมนิก้า” ถึงอยากจะรู้เหมือนกันว่า พวกกองทุนทิ้งหุ้นเพื่ออะไร? และแนวรับสำคัญเที่ยวนี้ที่บริเวณ 1,420 จุดจะเอาอยู่หรือเปล่า? หรือแม้กระทั่งหุ้นบลูชิพตัวไหนจะโดนหนักสุด? มันเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องหาคำตอบร่วมกันเจ้าค่ะ

*ส่วนที่เห็นแน่ๆ อาจไม่รอดสันดอนในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” คงโฟกัสไปที่หุ้นลูก BPP ของเจ้าพ่อถ่านหิน BANPU ขนาดหุ้นตัวแม่ยังโดนสาดทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใย วานนี้รูดลงมาปิดที่ 16.50 บาท ลบไป 1 บาท หรือ 5.70% ด้วยมูลค่า 3.43 พันล้านบาท พร้อมกับขึ้นอันดับ 1ในกระดาน most active มันสะท้อนถึงแรงเทขายมีอยู่เป็นจำนวนมาก บวกกับหุ้นประคองตัวเหนือแนวรับสำคัญได้อย่างฉิวเฉียด ทิศทางของหุ้นเลยดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่! แถมหุ้นลูกเอาไปขายกองทุนตัวแสบตั้งเยอะแยะ มันจะรอดไหมเนี่ย!

*อีกหนึ่งตัวอย่างที่สามารถเทียบเคียงได้เป็นอย่างดี “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปยังหุ้นปิโตรเคมีอย่าง IVL เพราะเป็นหุ้นที่มากับกองทุนจริงๆ และเมื่อครั้งที่ขึ้นไปถึง 36 บาท ล้วนเกิดจากแรงซื้อที่ถาโถมเข้ามาเป็นจำนวนมาก พอถึงบทเลิกเล่นแบบดื้อๆ ราคาหุ้นก็ไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับแกว่งตัวออกด้านข้างมาระยะหนึ่ง ล่าสุดหุ้นลงมาปิดที่ 27.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 5.20% ด้วยมูลค่า 1.18 พันล้านบาท เดี๊ยนเม้าท์ได้แค่ว่า หากวันนี้ไม่เด้งสู้ สงสัยต้องลงไปตั้งไข่ที่บริเวณ 22 บาทกระมัง!

*เช่นเดียวกับ SCB KBANK BBL KTB ล้วนตกอยู่ในทิศทางขาลงเหมือนกันหมดทุกตัว และที่น่าสนใจก็คือ การเคลื่อนตัวของหุ้นเป็นลักษณะลาดเอียง 45 องศา ซึ่งมันตีความได้ว่า หุ้นมีโอกาสลงต่อได้อีก เพราะแรงเทขายที่พรวดพราดออกมาในเที่ยวนี้ มันเหมือนการขายเพื่อลงไปรอรับข้างล่าง แต่ในมุมกลับกันก็พบว่า ยังมีช็อตให้เคาะขวาเบาๆ เพื่อหาค่าขนมเล็กๆ น้อยๆ นะจะบอกให้

*เหมือนกับในรายของ IRPC หากดูตามรูปการณ์ที่เกิดขึ้นจะเห็นว่า กรอบการเคลื่อนไหวของหุ้นอยู่ในระดับ 4.60-5.20 บาท เป็นเวลาหลายเดือน ส่งผลให้คนที่เข้ามาเล่นตามกรอบราคาดังกล่าว รับกำไรกันอย่างถ้วนหน้าเลยทีเดียว ล่าสุดหุ้นอ่อนตัวลงมายืนอยู่ที่ 4.88 บาท ลบไป 0.17 บาท หรือลงไป 3.40% ด้วยมูลค่า 1 พันล้านบาท มันเป็นโอกาสหรือเปล่า? ลองไปคิดกันดูนะคะ

*ตบท้ายวันนี้ “โมนิก้า” ต้องขอชมเชยการทำหน้าที่ของ ก.ล.ต. เกี่ยวกับการลงดาบผู้บริหาร NMG สักนิดหนึ่ง เพราะแสดงให้เห็นว่า สิ่งที่กระทำในเที่ยวนี้เป็นไปตามตัวบทกฎหมายที่บัญญัติไว้ พร้อมกับอธิบายรายละเอียดปลีกย่อยของสาระสำคัญที่เกิดขึ้นได้อย่างทะลุปรุโปร่งแบบนี้…หวังว่า ทุกฝ่ายคงเข้าใจแจ่มแจ้ง และคงเข้าใจวลีเด็ดที่ว่า “ผิดจากนี้ไม่ใช่เรา” นะนายจ๋า!

Back to top button