SET ผันผวน รออ่อนตัวทยอยเก็บของจับตา 7 หุ้นฟอร์มดี มีอัพไซต์-กำไรโต

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวหลังวานนี้ลงแรง ขณะที่มีปัจจัยหนุนจากต่างประเทศทั้งราคาน้ำมันดิบที่ขึ้นแรง และผลบวกจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนของปัจจัยในประเทศโดยเฉพาะข่าวเตือนการก่อการร้ายในช่วงวันที่ 25-30 ต.ค. อาจเป็นตัวกดดันตลาด การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังดี และมีอัพไซต์


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.33 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.16 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดทะยานขึ้นเมื่อคืน หลังราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 3%

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวหลังวานนี้ลงแรง ขณะที่มีปัจจัยหนุนจากต่างประเทศทั้งราคาน้ำมันดิบที่ขึ้นแรง และผลบวกจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนของปัจจัยในประเทศโดยเฉพาะข่าวเตือนการก่อการร้ายในช่วงวันที่ 25-30 ต.ค. อาจเป็นตัวกดดันตลาด การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังดี และมีอัพไซต์ หุ้นเด่นเลือก BEAUTY-BJC-BCP-IRPC-PTTGC-HANA และ KCE

 

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้า (11 ต.ค.) นี้ยังมีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้นได้ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก เนื่องจากรับ Sentiment บวกจากสหรัฐฯ ที่ขานรับชัยชนะในการโต้วาทีครั้งที่ 2 ของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต เหนือนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน อย่างไรก็ตาม Valuation ของตลาดไม่ถูกมาก และเงินบาทอ่อนค่าอาจกดดันตลาดได้ ดังนั้น แนะนำให้ถือเงินสดไว้มากๆ และเมื่อดัชนีฯลงมาต่ำกว่าระดับ 1,400 จุด ค่อยเข้าไปทยอยซื้อ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,440-1,470 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ต.ค.) ว่า แม้ SET มีโอกาส Rebound จากกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบ Brent +2.3% เมื่อคืนนี้ เนื่องจากรัสเชีย+ซาอุฯ พร้อมที่จะลดกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อสร้างเสถียรภาพราคามากขึ้น อย่างไรก็ดีภาพระยะ 1-3 เดือนข้างหน้า มีแนวโน้ม “ผันผวน” ในทางลบ จาก 1) Valuation ของ SET อยู่ในโซนสูงด้วย PE16-17 ที่ 15.8-14.3 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 13.2 เท่า

2) การปรับสูงขึ้นของ Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องล่าสุดที่ 1.76% และมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นต่อไปจนถึงปลายปีนี้ โดยล่าสุดโอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.สูงเกือบ 70% หนุนกระแสเงินทุน “ผันผวน” เพิ่มขึ้น ล่าสุดเงินบาทอ่อนสุดตั้งแต่ ก.ค. ที่ 35.17 บาท/ดอลลาร์ฯ และ 3) รายงาน The Revision วันนี้แสดงให้เห็นว่า นักวิเคราะห์ (Consensus) ชะลอการปรับประมาณการกำไร และเป้าหมายพื้นฐานต่อเนื่อง

SET ปรับลดลงต่ำกว่า Trailing Stop ทั้ง 2 แนวที่ 1,505 และ 1,495 จุด แนะนำ ลดสัดส่วน การ Trading และควร “จำกัด” อยู่ในกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการอ่อนค่าของเงินบาท อย่างกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ KCE, HANA และกลุ่มที่กำไรไตรมาส 3/59จะออกมาดีอย่าง BEAUTY BJC เท่านั้น

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ต.ค.) คาด SET ยังเคลื่อนไหวผันผวนจากความไม่แน่นอนของปัจจัยในประเทศโดยเฉพาะล่าสุดมีข่าวเตือนการก่อการร้ายในช่วงวันที่ 25-30 ต.ค. คาดว่าจะบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนรวมถึงประชาชนทั่วไปซึ่งจะกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวและหุ้นที่เกี่ยวข้อง อาทิ โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และธุรกิจการบิน

อย่างไรก็ตาม ด้วยดัชนีที่ปรับตัวลงแรงกว่า 3% ในเมื่อวานที่ผ่านมาอาจจะทำให้การลดลงของดัชนีอาจจะไม่มากหรืออาจจะเกิด Technical Rebound ได้ในระหว่างวัน ด้วยปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงอยู่จึงแนะนำให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการลงทุนและเน้นเล่นสั้น “ขึ้นแรงขาย ลงแรงซื้อ” โดยเน้นหุ้นที่ แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/59 ออกมาดี (BEAUTY, TACC, TKN, JMT, TWPC, SMPC) และกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (KCE) และ โรงพยาบาล (BDMS) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : ขึ้นแรงขาย ลงแรงซื้อ

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : KCE (ซื้อ/เป้า 120) รับอานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า และแนวโน้มไตรมาส 3/59 จะออกมาเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ต.ค.) คาดดัชนีได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากวานนี้ราคาน้ำมัน WTI ปิดเหนือระดับ 51 ดอลลาร์/บาร์เรล และวันพุธนี้รอรายงาน Fed Minutes เพื่อชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ กลยุทธ์การลงทุน ประเมินแนวรับ 1,450 จุดน่าจะพอรองรับแรงขายในระยะสั้นได้ โดยมีแนวต้าน 1,470 จุด แนะนำเก็งกำไรระยะสั้นตามกรอบการลงทุน แนะนำซื้อ BCP, IRPC, PTTGC (+ ราคาปัจจุบันยังมี Upside ประมาณ 15% เมื่อเทียบกับ Consensus Value)

Back to top button