เปิดโผ 8 หุ้น mai ราคาทรุดปางตาย! EFORL เจ็บหนัก! จนต้องร้องขอชีวิต
เปิดโผ 8 หุ้น mai ราคาทรุดปางตาย! EFORL เจ็บหนัก! จนต้องร้องขอชีวิต
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่ปรับตัวลงแรงในรอบ 9 เดือน โดยเทียบราคาหุ้น ณ วันที่ 30 ธ.ค.58-30 ก.ย.59 โดยครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ราคาปรับตัวลงแรงเกิน 40% นำโดย EFORL, TAKUNI, UPA, DIMET, SR, NEWS, LDC และ MPG
หลักทรัพย์ | 30-ธ.ค.-58 | 30-ก.ย.-59 | เปลี่ยนแปลง | |
บาท | % | |||
EFORL | 0.77 | 0.32 | -0.45 | -58.44 |
TAKUNI | 3.90 | 1.72 | -2.18 | -55.90 |
UPA | 1.18 | 0.60 | -0.58 | -49.15 |
DIMET | 5.70 | 2.96 | -2.74 | -48.07 |
SR | 4.30 | 2.26 | -2.04 | -47.44 |
NEWS | 0.19 | 0.10 | -0.09 | -47.37 |
LDC | 2.66 | 1.44 | -1.22 | -45.86 |
MPG | 1.04 | 0.58 | -0.46 | -44.23 |
อันดับ 1 บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORLราคาหุ้นปรับอยู่ที่ระดับ 0.32 บาท (30 ก.ย.59) ลบ 0.45 บาท หรือลดลง 58.44% จากราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 0.77 บ. (30 ธ.ค.58) ราคาหุ้นอ่อนตัวตลอดช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากหุ้นไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน ประกอบกับตัวธุรกิจที่ออกมาไม่สดใสเห็นได้งบ Q1/59 มีผลขาดทุนสุทธิ 32.26 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 103.11 ลบ.
อีกทั้งงบ Q2/59 ขาดทุน 49.48 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 20.20 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการลดลง ส่วนงวด 6 เดือนขาดทุน 81.74 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 123.31 ล้านบาท ยิ่งทำให้ราคาหุ้นอ่อนตัวไม่หยุดในช่วงดังกล่าว
อย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนการตลาดในเชิงรุก เพื่อผลักดันสินค้าในกลุ่ม Cosmetic เข้าสู่ตลาด เสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจคลินิกความงาม ซึ่งภาพตลาดโดยรวมยังคงที่ และมีแนวโน้มปรับเปลี่ยนรูปแบบเชิงกลยุทธสมัยใหม่ เช่น การทำ Make up Surgery การทำ Beauty Center รวมถึงการพิจารณาสาขารูปแบบใหม่ๆ แบบครบวงจร โดยคาดสินค้าในกลุ่ม Cosmetic จะสร้างยอดขายอย่างมีนัยยะในอนาคต
อันดับ 2 บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI ราคาหุ้นปรับอยู่ที่ระดับ 1.72 บาท (30 ก.ย.59) ลบ 1.78 บาท หรือลดลง 45.64% จากราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 3.90 บ. (30 ธ.ค.58) โดยราคาหุ้นร่วงแรงแรงในช่วง 9 เดือน ส่วนหนึ่งมาจากประเด็นการเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทจำนวน 400 ล้านบาท จากเดิม 200 ล้านบาท เป็น 600 ล้านบาท ในช่วงปลายปีก่อน ทำให้นักลงทุนทยอยขายหุ้นออกมาไม่หยุดและกระทบมาจนถึงช่วงดังกล่าว ประกอบกับหุ้นไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนทำให้นักลงทุนขายทำกำไรหลังหุ้นขึ้นแรงก่อนหน้านี้
อีกทั้งตัวธุรกิจหลักก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquid Petroleum Gas: LPG) และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซปิโตรเลียมเหลว สร้างผลกำไรไม่ดีนัก ทำให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 มีกำไรสุทธิ 0.93 ล้านบาท ลดลง 97% จากปีก่อนมีกำไร 28.41 ล้านบาท
นอกจากนี้ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 จะมีกำไรสุทธิ 18.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155% จากปีก่อนมีกำไร 7.34 ล้านบาท แต่ดูเหมือนว่าราคาหุ้นจะไม่ฟื้นตัวตาม เนื่องจากขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนธุรกิจออกมาให้ชัดเจน ประกอบกับตลาดหุ้นช่วงดังกล่าวไม่สดใสยิ่งทำให้ราคาอ่อนตัวต่อเนื่อง
อันดับ 3 บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ UPA ราคาหุ้นปรับอยู่ที่ระดับ 0.60 บาท (30 ก.ย.59) ลบ 0.58 บาท หรือลดลง 49.15% จากราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.18 บ. (30 ธ.ค.58) ราคาหุ้นอ่อนตัวตลอดช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทยังประสบปัญหาขาดทุนเรื้อรัง ทำให้ข่าวดีที่เข้ามาสนับสนุน อาทิ เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ขนาด 200 เมกะวัตต์ (MW) กับกระทรวงพลังงานสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และเซ็น MOU ร่วมมือ System Integrator ใหญ่ของเวียดนาม ไม่ได้ช่วยหนุนราคาหุ้นให้ฟื้นตัวแต่อย่างใด
ประกอบกับงบ Q1/59 ขาดทุน 33.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.01% จากปีก่อนขาดทุน 20.51 ล้านบาท และงบ Q2/59 ขาดทุน 34.12 ล้านบาท ลดลง 5.64% จากปีก่อนขาดทุน 36.16 ล้านบาท ส่วน 6 เดือน ขาดทุน 67.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.12% จากปีก่อนขาดทุน 56.84 ล้านบาท ยิ่งทำให้ราคาหุ้นอ่อนตัวไม่หยุดในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา
อันดับ 4 บริษัท ไดเมท (สยาม) จำกัด (มหาชน) หรือ DIMET ราคาหุ้นปรับอยู่ที่ระดับ 2.96 บาท (30 ก.ย.59) ลบ 2.74 บาท หรือลดลง 48.07% จากราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 5.70 บ. (30 ธ.ค.58) ราคาหุ้นอ่อนตัวตลอดช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนเข้าไปเก็งกำไรก่อนหน้าหน้านี้ แต่เนื่องจากหุ้นไม่มีพื้นฐานรองรับ เห็นได้จากผลการดำเนินงานขาดทุนต่อเนื่อง อีกทั้งช่วงดังกล่าวไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาได้
อย่างไรก็ตามตั้งเป้าหมายยอดขายงวดปี 59/60 (ก.ค.59-มิ.ย.60) เติบโตเป็น 500 ล้านบาท ก้าวกระโดดจาก 327 ล้านบาท ในงวดปีก่อน โดยเพิ่มจำนวนตัวแทนจำหน่ายสีมากขึ้น โดยปีนี้จะเพิ่มอย่างน้อย 9 สาขา และสนใจที่จะขยายไปยังพื้นที่ จ.ภูเก็ต, สงขลา, พิษณุโลก และชลบุรี เพิ่มเติมอีก ส่งผลให้บริษัทจะมีตัวแทนจำหน่ายทั้งสิ้น 54 ราย
อันดับ 5 บริษัท สยามราช จำกัด (มหาชน)หรือ SR ราคาหุ้นปรับอยู่ที่ระดับ 0.39 บาท (30 ก.ย.59) ลบ 2.04 บาท หรือลดลง 47.44% จากราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 4.30 บ. (30 ธ.ค.58) ราคาหุ้นเป็นขาลงตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนการลงทุน อีกทั้งผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกออกมาไม่สดใส เห็นได้จากงบการเงิน 6 เดือน มีกำไรสุทธิ 11.43 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 75.44 ล้านบาท ยิ่งทำให้ราคาหุ้นอ่อนตัวชัดเจน
อย่างไรก็ตามกลยุทธ์การดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 59 บริษัทฯยังคงมุ่งมั่นรักษาฐานลูกค้าเดิมและเดินหน้าขยายฐานลูกค้า เพื่อขยายฐานรายได้ของบริษัทฯให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกันยังมุ่งเน้นการจัดการและบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และขยายสถานีบริการ NGV ตามแนวท่อส่งก๊าซฯ (Conventional Station) เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของบริษัทฯในอนาคตและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น ตรงนี้ก็น่าจะช่วยหนุนราคาหุ้นกลับมาสดใสอีกครั้ง
หากสังเกตหุ้นปรับตัวลงแรง ส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบในเรื่องผลประกอบการ และทิศทางธุรกิจยังไม่สดใสทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามหากมองอีกด้านหนึ่งถือเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้สะสมหุ้นกลุ่มนี้ เพราะยังเหลือเวลาที่หุ้นจะได้พิสูจน์ผลงงาน และโชว์แผนธุรกิจให้กับนักลงทุนได้มั่นใจ ถึงตอนนั้นหุ้นเหล่านี้ก็มีโอกาสกลับมาสดใสและดีดกลับไปราคาเดิมที่เคยร่วงแรงก็เป็นได้
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้นเป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำหรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตามล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน