จิตวิทยาฝูงชนพลวัต 2016
เมื่อวานนี้ เป็นวันพุธโลกาวินาศอีกวันของตลาดหุ้นไทย เพราะแรงขายออกมาชนิดรุนแรงตั้งแต่เปิดตลาดเช้าจนถึงเปิดตลาดบ่ายที่แรงขึ้นจนดัชนีร่วงไปมากกว่า 100 จุด ก่อนที่จะมีการรีบาวด์กลับมาปิดลบไปที่ 36 จุดเศษ
วิษณุ โชลิตกุล
เมื่อวานนี้ เป็นวันพุธโลกาวินาศอีกวันของตลาดหุ้นไทย เพราะแรงขายออกมาชนิดรุนแรงตั้งแต่เปิดตลาดเช้าจนถึงเปิดตลาดบ่ายที่แรงขึ้นจนดัชนีร่วงไปมากกว่า 100 จุด ก่อนที่จะมีการรีบาวด์กลับมาปิดลบไปที่ 36 จุดเศษ
มูลค่าการซื้อขายที่เป็นสถิติใหม่ของตลาด 1.30 แสนล้านบาท ไม่มีความหมายอะไรมากนัก เพราะข่าวลือที่ไม่เป็นมงคลที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน เป็นสถานการณ์ที่เกิดพร้อมกัน นับแต่ค่าเงินบาทอ่อนสุดในรอบหลายเดือน และการที่
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 8,799 ล้านบาทในตลาดตราสารหนี้
สำหรับในตลาดหุ้น แม้ต่างชาติจะขายก็จริง แต่การที่ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดล่วงหน้าที่ SET50 FUTURES ทำให้ความหวั่นไหวว่าต่างชาติจะถอนตัวจากตลาดหุ้นไทย ไม่มีนัยสำคัญมากนัก
เมื่อวานนี้ ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ไปมาก และเป็นการอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 9 เดือน นับตั้งแต่ 26 ม.ค.59 จากความกังวลเรื่องปัจจัยภายในประเทศที่อธิบายได้ยาก ท่ามกลางข่าวลือที่ฟังไม่ได้เรื่องราวเป็นสำคัญ
ข่าวลือที่อธิบายไม่ได้นี้ บ่งบอกคุณภาพและจิตใจที่ไม่สงบนิ่งของนักลงทุนในตลาดได้เป็นอย่างดีว่า ตกอยู่ภายใต้ความไร้เหตุผล และจิตวิทยาฝูงชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในภาคบ่ายที่แรงขายนำออกมาในหุ้นขนาดใหญ่กดดันให้ดัชนีปิดต่ำสุดรอบกว่า 4 เดือน ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงแรงกว่าตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ติดลบเล็กน้อย
แม้ว่าความกังวลว่าฟันด์โฟลว์จะไหลออก มีเหตุผลไม่น้อย แต่แรงขายในตลาดหุ้นไทยจนราคาหุ้นร่วงทั้งกระดานระหว่างวันจากความสับสนของกระแสข่าวในประเทศ ทำให้เป็น Sentiment ลบให้กับตลาดฯ และเมื่อดัชนีร่วงมาถึงจุดสำคัญที่เรียกว่าเกิดภาวะ ”มวลวิกฤต” ทำให้เกิดแรงขายสำคัญตามมาที่ระดับหนึ่งตามโปรแกรมเทรดที่ตั้งคำสั่งอัตโนมัติไว้ของบรรดากองทุน ซึ่งก็มีหุ้นบางตัวที่ถูกมาร์จิ้น คอลล์ และฟอร์ซ เซลล์ พร้อมกันไป ทำให้หุ้นร่วงหนักกว่าปกติ ทำให้ดัชนีร่วงไปกว่า 90 จุดในช่วงเปิดตลาดภาคบ่าย
เพียงแต่แรงซื้อกลับที่มีเหตุผล จากการขายมากเกิน ก็มีผลให้เกิดแรงซื้อระลอกใหม่กลับคืนมา ทำให้มีการรีบาวด์ลดช่วงลบลง
ภาวะเช่นนี้เป็นกระแสอารมณ์ของตลาดล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพื้นฐานของผลประกอบการตลาดแต่อย่างใด เพราะหากพิจารณาพื้นฐานของบริษัทส่วนใหญ่ในตลาด จะพบว่า น่าจะมีกำไรสุทธิที่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน ทั้งในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา และในช่วงระยะเดียวกันปีก่อน
นักวิเคราะห์หุ้นพื้นฐานจำนวนมากยอมรับว่า อารมณ์ของตลาดยามนี้ เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ และยากจะควบคุมได้ เพราความแปรรวนจากข้อมูลและข่าวลือที่พิสูจน์ได้ยาก เป็นกระแสที่บั่นทอนความรู้สึกมั่นใจได้อย่างมาก
สถานการณ์อย่างนี้ ไม่สามารถใช้หลักการที่นักวิเคราะห์พื้นฐานใช้กันมา นั่นคือ “ให้กำไรดันราคา” หรือ let profit run ได้ เพราะอารมณ์ของตลาดเป็นสิ่งที่เหนือกว่าปัจจัยพื้นฐานจะควบคุมได้
ถามว่าวันนี้ ทิศทางตลาดจะมุ่งไปทางไหน จะขึ้นหรือลงต่อ คำตอบก็ยังไม่ชัดเจน เพราะยากจะรู้ได้ว่า เกิดอะไรขึ้นจากการที่กระแสข่าวลือยังไม่ได้รับการอธิบายที่เหมาะสมจากผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง
ข่าวลือที่เพ่นพ่าน กับข่าวจริงที่ไปด้วยกันไม่ได้ เป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจและอารมณ์ของนักลงทุนไปอีกจนกว่าทุกอย่างจะผ่านไป นั่นคือ ตลาดซึมซับข่าวร้ายหมดแล้ว ซึ่งไม่มีใครทราบจะเริ่มต้นหรือสิ้นสุดลงเมื่อใด
อาการขวัญผวาในตลาดหุ้นไทย ไม่ว่าจะเลื่อนลอย แต่ก็สัมผัสได้ไม่ยาก โดยมีค่าบาทเป็นตัวแปรที่จับต้องได้และให้สังเกตความเคลื่อนไหวเชิงนามธรรมที่แปรเป็นมูลค่าทางผลประโยชน์
คำชี้แนะแบบโดยให้ดูพื้นฐานของกิจการบริษัทจดทะเบียนนั้นจะไม่ได้ผลเลยหากข่าวลือทางร้ายที่เกิดขึ้นไม่หยุดยั้ง และไม่สามารถสร้างระบบการรับมือสถานการณ์ให้มีประสิทธิภาพสูงนอกเหนือจากการโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง
การรอคอย และถือเงินสดบางส่วนในมือที่ยังเหลืออยู่ จึงเป็นความจำเป็น ตราบใดที่จิตวิทยาฝูงชนทางร้ายยังครอบงำกระแสต่อไป