เปิด 16 หุ้นฉายแววเด่น-แนวโน้ม Outperform

เปิด 13 หุ้นฉายแววเด่น-แนวโน้ม Outperform ประกอบด้วย CPF, GFPT, MALEE, SVI , BJCHI, INTUCH, MC, PS, TCAP ,PTTEP, IRPC, SPRC, PTG ,HANA,BJC และBDMS


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ของเหล่าโบรกเกอร์ที่ทำการออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) ที่พื้นฐานดี ซึ่งในภาวะที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงแรงหุ้นเหล่านี้ก็จะปรับตัวลงไปด้วย แต่เนื่องจากพื้นฐานธุรกิจยังแข็งแกร่งและมีแนวโน้มเติบโตได้ดีจึงทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงไม่มากนัก และคาดว่าราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้จะดีดกลับได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้จากข้อมูลสถิติที่ผ่านมาบจ.เหล่านี้มักปรับตัวขึ้นชนะตลาดเสมอ

โดยนักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมองประเด็นหุ้นน่าสนใจจากสถานการณ์ไม่แน่นอนในประเทศ มองหุ้นที่เกี่ยวข้องต่างประเทศน่าจะ Outperform เน้นกลุ่มส่งออก (อิเล็กทรอนิกส์และอาหาร) รวมทั้งหุ้นปันผล โดยบาทอ่อนค่าช่วงนี้ ดีต่อหุ้นส่งออกด้วย ชอบ CPF, GFPT, MALEE, SVI / หุ้นพื้นฐานแกร่งมีปันผลสูง แนะนำ BJCHI, INTUCH, MC, PS, TCAP / หุ้นพลังงาน-ปิโตรเคมีช่วงนี้น่าจะปรับตัวในทิศทางดีกว่าตลาด (Outperform) ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ชอบ PTTEP, IRPC, SPRC, PTG

ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์ ภายใต้ภาวะตลาดผันผวน แนะนำกลยุทธ์การลงทุนเลือกเป็นรายหุ้นที่คาดว่าจะสามารถชนะตลาดในช่วงที่เหลือหรือในไตรมาส 4 ปี 2559 โดยนักวิเคราะห์เชิงปริมาณได้ศึกษาข้อมูลในอดีต ย้อนหลัง 5 ปี พบว่า ดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมที่มักจะเอาชนะตลาด (Outperform) เรียงลำดับจากมากไปน้อย ดังนี้ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ขนส่ง ธุรกิจการเงิน ชิ้นส่วนฯ การแพทย์  อาหาร ค้าปลีก และท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตามหากพิจารณาเพิ่มเติมหุ้นรายตัวที่มีความผันผวนน้อย และมีโอกาสสูงที่จะให้ชนะตลาดในช่วงไตรมาส 4 ปี 2559 รวมทั้งสามารถคาดหวังอัพไซด์ (Upside) ได้สูงกว่า 15% คือฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส หรือ HANA,เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หรือBJCและกรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ BDMS เป็นต้น

 

สำหรับ 16 บจ. ที่เหล่านักวิเคราะห์คัดเลือกมามีดังนี้ CPF, GFPT, MALEE, SVI , BJCHI, INTUCH, MC, PS, TCAP ,PTTEP, IRPC, SPRC, PTG ,HANA,BJC และBDMS

อันดับที่ 1 บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF โดย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดว่ากำไรไตรมาส 3/59 ของ CPF ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง มากเป็น 4 เท่าตัวจาก เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่ม 8.9%เทียบไตรมาสก่อนหน้าเป็น 5 พันล้านบาทสืบเนื่องจากราคาเนื้อไก่ที่ปรับตัวดีขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง และธุรกิจกุ้งในประเทศปรับตัวดีขึ้นมาก ด้านปริมาณการส่งออกไปยังจีนและเวียดนามก็ยังไปได้ดี ส่งผลให้รายได้สูงเป็น 124 พันล้านบาท (+10.8%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, +6.2%เทียบไตรมาสก่อนหน้า) อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าเพิ่ม 2%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 17% คงคำแนะนำ ซื้อ กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 40.00 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 60 ที่ 26 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่มอีกถึง 31%

 

อันดับที่ 2 บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT โดย บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดว่ากำไรสุทธิของ GFPT จะโต 17% CAGR ในช่วงปี 59-61 โดยได้แรงหนุนจาก 1) ราคาอาหารสัตว์ที่ถูกลงเนื่องจากอุปทานถั่วเหลือง และข้าวโพดเพิ่มขึ้นตามสภาวะอากาศที่เอื้ออำนวยในปี 60  2) วัฎจักรขาขึ้นรอบใหญ่ของราคาไก่ที่ยาวขึ้น จากอุปทานที่ตึงตัวขึ้นในภูมิภาคหลังจากที่มีการห้ามนำเข้าสต็อกไก่รุ่นปู่ย่าจากประเทศที่มีปัญหาโรคไข้หวัดนก3) การขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 20% ในไตรมาส 4/60  เป็น 318,000 ตัว/วัน มองว่าปัจจัยที่จะช่วยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้นคือผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3/59 จากราคาไก่เร่งตัวขึ้นและปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น +5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนแนะนำ”ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 18 บาท อิงจาก P/E ปี FY17F ที่ 13x มองว่าเป็นหุ้นที่จะได้ประโยชน์เต็มๆ จากการที่อุตสาหกรรมไก่อยู่ในขาขึ้นรอบใหญ่

 

อันดับที่ 3 บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE โดย บล.กรุงศรี ปรับเพิ่มประมาณการอัตราการเติบโตของยอดขายMALEE ในปี 59-61 เป็น 24% จากเดิม 22% จากรายได้ที่แข็งแกร่งขึ้นทั้งจากตลาดในประเทศและในตลาดส่งออก โดยยอดขายในประเทศน่าจะเติบโตราว 5-10% จากการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวและกระแสความนิยมการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดส่งออกน้ำมะพร้าว คิดเป็นสัดส่วน 70% ของการส่งออก จะเติบโตราว 30% ตามตลาดน้ำมะพร้าวโลก

ขณะที่ในปี 59-60 คาดว่า EBITDA margin จะฟื้นตัวได้ดีจากต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่ลดลง หลังอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น MALEE สามารถส่งผ่านต้นทุนมะพร้าวที่เพิ่มขึ้นต่อไปให้กับผู้บริโภคได้ด้วยการปรับสัญญาระยะสั้น ซึ่งต้นทุนน่าจะลดลงจากการเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวในครึ่งปีหลัง และยังเชื่อมั่นในแผนการเพิ่มปริมาณการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในเอเซียยังคงคำแนะนำ”ซื้อ”หุ้น MALEE โดยปรับราคาเป้าหมายเป็น 98 บาท/หุ้น 

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button