SET ฟื้นตัว จับตา 21 หุ้นพื้นฐานดี ราคาถูก

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนต่อ อย่างไรก็ตามยังมีโอกาสที่จะฟื้นตัว เนื่องจากตลาดได้สะท้อนปัจจัยในประเทศไปแล้ว ประกอบกับดัชนีไม่ได้ทำจุดต่ำสุดใหม่ และกลับมาปิดบวกเหนือแนวรับจิตวิทยาที่ระดับ 1,400 จุดได้ การลงทุนแนะนำหุ้นหลักพื้นฐานดีที่ราคาปรับตัวลงมาแรง และหุ้นที่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังดี


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.22 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.22 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย.

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนต่อ อย่างไรก็ตามยังมีโอกาสที่จะฟื้นตัว เนื่องจากตลาดได้สะท้อนปัจจัยในประเทศไปแล้ว ประกอบกับดัชนีไม่ได้ทำจุดต่ำสุดใหม่ และกลับมาปิดบวกเหนือแนวรับจิตวิทยาที่ระดับ 1,400 จุดได้ การลงทุนแนะนำหุ้นหลักพื้นฐานดีที่ราคาปรับตัวลงมาแรง และหุ้นที่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังดี

หุ้นเด่นเลือก AOT-KBANK-PTT-SCC-BEM-THAI-ADVANC-BEAUTY-TACC-TKN-JMT-TWPCBANPU-INTUCH-DIF-KKP-BJC-CPALL-CPF-EA และ IRPC

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ต.ค.) ว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดบวก 0.47% ปริมาณการซื้อขาย 1.03 แสนล้านบาท ขณะที่สถาบันกลับมาซื้อสุทธิสูงถึง 9.7 พันล้านบาท ด้านต่างชาติขายสุทธิเล็กน้อยแต่มียอด Long สุทธิใน Index Futures สูงถึง 1.6 หมื่นสัญญา ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่ากลับสู่ภาวะปกติ 35.10 บาท/ดอลลาร์ จากภาพรวมดังกล่าวคาด SET มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 1,435 – 1,450 จุด ซึ่งเป็นระดับก่อนที่ตลาดจะผันผวนหนัก

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้นที่คาดจะต้องมีการ Cover Short เช่น AOT, KBANK, PTT และ SCC 

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ต.ค.) ว่า SET มีแนวโน้ม “ผันผวน” ต่อไปในกรอบ 1,380-1,440 จุด จาก 1) ตลาดหุ้นโลกปรับลดลงโดย Dow Jones -0.25% และตลาดหุ้นยุโรป ปรับลดลงประมาณ 1% เมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed ปลายปีนี้ และตัวเลขส่งออกจีน -10% ในเดือน ก.ย.ต่ำกว่าคาด 2) การส่งออกที่อ่อนแอ, และการบริโภคที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด เป็น Downside Risk ต่อประมาณการการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2016-17 ที่ 3.5-4.8% และแนวโน้มการเติบโตกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2017 ที่ 10% 

การลงทุนแนะนำกลุ่มหุ้นที่มีแนวโน้ม Outperform ตลาด ได้แก่

1) ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มขยายตัวดี : BJC (รับรู้ผลการดำเนินงาน BIGC เต็มไตรมาสใน 3Q16 เป็นครั้งแรก) CPALL (การขยายสาขา 700 สาขา/ปี, การเติบโตยอดขายสาขาเดิมหนุนกำไรเติบโต 25-21% D/E ลดลงเหลือ 3 เท่า ในปี 2017) CPF, EA และ IRPC (ค่าการกลั่นสูงในไตรมาส 4/59 และเริ่มรับรู้กำไรจากการ Upgrade โรงกลั่น)

2) อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง : INTUCH (ปันผล 9%) DIF (ปันผล 7%) KKP (ปันผล 5.6%)

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ต.ค.) คาด SET ยังเคลื่อนไหวผันผวน แต่มีโอกาสฟื้นตัวเนื่องจากตลาดได้สะท้อนปัจจัยในประเทศไปแล้ว ประกอบกับดัชนีที่ไม่ได้ทำจุดต่ำสุดใหม่และยังกลับมาปิดบวกเหนือแนวรับจิตวิทยาที่ระดับ 1,400 จุดได้ น่าจะทำให้โมเมนตัมดังกล่าวยังมีต่อเนื่องอีกในวันนี้ โดยนักลงทุนสถาบันที่ถือครองเงินสดในช่วงที่ผ่านมาและยังได้เม็ดเงินใหม่จากที่นักลงทุนเข้าซื้อกองทุน LTF-RMF น่าจะเริ่มทยอยเข้าซื้อ

กลุ่มหุ้นที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนสถาบันจะเป็นกลุ่มหุ้นขนาดกลางถึงใหญ่ที่ได้ผลลบจากปัจจัยในประเทศน้อย อาทิ กลุ่มอาหาร และ พลังงาน รวมไปถึงหุ้นพื้นฐานดีอื่นๆ ที่ราคาปรับตัวลดลงแรงในช่วงที่ผ่านมา BEM, THAI, AOT, และ ADVANC  ส่วนหุ้นพื้นฐานดีอื่นๆ ที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/59 จะออกมาดีซึ่งเป็นกลุ่มที่เราแนะนำมาตลอดก็ยังคงไว้เช่นเดิม อาทิ BEAUTY, TACC, TKN, JMT และ TWPC

ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามเช้าวันนี้คือตัวเลขเงินเฟ้อ เดือน ก.ย. ของจีน และคืนนี้ ติดตามการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ที่สาขาบอสตัน ว่าจะมีการส่งสัญญาณต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ขณะที่สัปดาห์หน้า Highlight จะอยู่ที่การ Debate ชิงประธานาธิบดีครั้งที่ 3 ของสหรัฐซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 19 ต.ค.16

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : BANPU (ซื้อ/เป้า 20.00 บาท) ราคาถ่านหิน Newcatsel ยังปรับตัวขึ้น New high อย่างต่อเนื่อง

Back to top button