พาราสาวะถี อรชุน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของประชาชนคนไทย นับตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคมเป็นต้นมา น้ำตาของพสกนิกรผู้จงรักภักดียังคงอาบสองแก้ม ที่ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร องค์รัชทายาท ทรงมีรับสั่งกับนายกรัฐมนตรี ทรงรับพระราชทานเป็นองค์รัชทายาทอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่ท่านทรงขอเวลาทำพระทัยและแสดงความเสียใจร่วมกับประชาชนทั้งประเทศไปก่อนในระยะเวลานี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของประชาชนคนไทย นับตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคมเป็นต้นมา น้ำตาของพสกนิกรผู้จงรักภักดียังคงอาบสองแก้ม ที่ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร องค์รัชทายาท ทรงมีรับสั่งกับนายกรัฐมนตรี ทรงรับพระราชทานเป็นองค์รัชทายาทอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่ท่านทรงขอเวลาทำพระทัยและแสดงความเสียใจร่วมกับประชาชนทั้งประเทศไปก่อนในระยะเวลานี้
ทรงขอเวลาสำหรับกระบวนการของกฎหมายในการอัญเชิญขึ้นสืบราชสมบัตินั้นให้รอเวลาที่เหมาะสม เมื่อทรงร่วมแสดงความเสียใจและระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศร่วมกับประชาชนผ่านพ้นไปแล้ว เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ทรงยืนยันว่าทรงตระหนักในหน้าที่องค์รัชทายาท ในส่วนของพระราชภารกิจต่างๆ จะทรงปฏิบัติต่อไปในฐานะสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
ในเรื่องนี้ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ถึงกับให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าและร้องไห้ว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ รับสั่งกับนายกฯว่า ขอให้ทุกอย่างในช่วงนี้ อย่างน้อยก็ช่วงนี้ให้อยู่เป็นปกติเหมือนกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศยังทรงสถิตอยู่ อย่าให้เกิดความรู้สึกว่าแผ่นดินว่างเปล่าและทุกอย่างอย่าเพิ่งให้เป็นอดีตเร็วนัก เก็บไว้ให้เป็นปัจจุบัน
หากพูดอย่างสามัญแล้ว ในฐานะประชาชนคนธรรมดาที่ได้ชื่อว่าเป็นลูก เป็นหลาน เป็นญาติ ก็คงเคยทำอย่างนี้กับพ่อเราแม่เรา คู่สมรส คนรักของเราที่ตาย เราอาจจะเห็นว่าบางครั้งเรากินข้าวเรายังตั้งเก้าอี้ไว้และบอกแม่พ่อ ด้วยเหตุนี้จึงมิบังควรที่จะมีการไปพูดถึงการขึ้นครองราชย์หรือแม้กระทั่งมีการเผยแพร่ข่าวในลักษณะของการสืบราชบังลังก์ไม่ว่าจะในแง่มุมใดก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ด้วยข่าวลือนานัปการเกี่ยวกับการสืบราชสันตติวงศ์ วิษณุจึงต้องทำหน้าที่อธิบายให้เกิดความกระจ่างชัดผ่านทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยกล่าวว่า การสืบราชสันตติวงศ์หรือการสืบราชสมบัติ ถ้าจะเอาเรื่องการสืบราชสมบัติมาชี้แจงก็เป็นการดี เพราะว่าความจริงเรื่องนี้ไม่มีอะไรปิดบังอำพราง หากเปิดกฎหมาย เปิดรัฐธรรมนูญ เปิดกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ก็จะได้คำตอบทั้งหมด
ในเวลาที่ผ่านมา วันสองวันมานี้ ทางราชการติดงานบ้านงานเมืองหลายอย่าง ก็ขออภัยที่ไม่มีใครออกมาชี้แจง จึงเป็นเหตุให้มีข่าวลือข่าวลวงจินตนาการไปต่างๆ นานา ทั้งประสงค์ดีประสงค์ร้ายก็ตาม จับแพะชนแกะ ยืดยาวออกไป จึงขออนุญาตชี้แจงเมื่อได้สอบถาม
กล่าวโดยสรุปก็คือ ในกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ได้ทรงแต่งตั้งองค์รัชทายาทไว้แล้ว เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการที่จะต้องดำเนินการแจ้งเรื่องไปยังประธานรัฐสภา เมื่อได้รับแจ้งจากรัฐบาลก็ต้องเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อแจ้งให้ทราบว่าได้มีการสถาปนาพระรัชทายาทเอาไว้แล้ว รัฐสภาคือสภานิติบัญญัติแห่งชาติในปัจจุบัน จะมีมติรับทราบว่ามีการสถาปนาพระรัชทายาทไว้อย่างนั้น เมื่อมีมติรับทราบแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของประธานรัฐสภาคือประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่จะต้องขอประธานอัญเชิญให้สมเด็จพระรัชทายาทขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์
แต่ในปัจจุบันองค์รัชทายาททรงตรัสไว้แล้วเรื่องทรงขอเวลาทำพระทัย ซึ่งรัฐบาลก็รับเรื่องนี้สนองใส่เกล้าใส่กระหม่อม จึงเป็นเหตุทำให้รัฐบาลยังไม่เสนอเรื่องหรือแจ้งไปยังประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อไม่ได้มีเรื่องแจ้งไป ทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติก็ยังไม่มีเหตุต้องประชุมเพื่อมีมติรับทราบ การที่จะอัญเชิญขึ้นครองราชย์หรือการที่จะประกาศการมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ยังไม่เกิดขึ้น
ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนที่ขอรอระยะเวลาหนึ่ง เมื่อถึงเวลาอันสมควรก็จะได้มีการดำเนินการต่อไป โดยไม่มีข้อลังเลสงสัยอย่างใดว่าจะมีการปฏิบัติเป็นอย่างอื่นใดๆ ทั้งสิ้น แต่ในระหว่างนี้ตามรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ว่าจะต้องมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราวไปก่อน ซึ่งขั้นตอนการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เกิดได้ 2 กรณี
คือโดยการแต่งตั้งและโดยการเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อนเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าซึ่งในกรณีนี้จะไม่มีการแต่งตั้ง ไม่มีการประกาศ ไม่มีการประกาศสถาปนา เพราะเป็นสิ่งที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญแล้วว่าให้เป็นโดยตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญผู้ที่จะทำหน้าที่ดังกล่าวก็คือ ประธานองคมนตรี
ขณะนี้ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ จึงถือได้ว่าเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราว และรัฐธรรมนูญกำหนดว่าจะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานองคมนตรีไม่ได้ โดยในรัฐธรรมนูญมาตรา 25 กำหนดไว้ว่าให้คณะองคมนตรีประชุมปรึกษาเลือกองคมนตรี 1 คนขึ้นเป็นประธานองคมนตรี เพราะมีภารกิจที่จะต้องทำ เช่น มีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นและเมื่อผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พ้นจากหน้าที่ก็จะมาเป็นประธานองคมนตรีเหมือนเดิม
แน่นอนว่าสิ่งที่ปรากฏเป็นข่าวลือและจำเป็นจะต้องได้รับการอธิบายคือ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มีอำนาจเสนอชื่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งวิษณุยืนยันว่าไม่จริง เพราะเป็นเรื่องคณะรัฐมนตรีที่จะต้องแจ้งไปยังประธานรัฐสภาหรือประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จากนั้นจะมีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อมีมติรับทราบ จากนั้นประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะเข้าเฝ้าฯเพื่ออัญเชิญขึ้นครองราชย์ จากนั้นจะประกาศให้ประชาชนชาวไทยรับทราบ
บัดนั้นประเทศไทยจะมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยสมบูรณ์และราชสมบัติจะไม่มีวันขาดตอนลง หมายความว่ารัชสมัยแห่งรัชกาลใหม่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป เมื่อได้ความกระจ่างชัดเช่นนี้ ก็ไม่มีเหตุอันใดที่จะทำให้คนไทยต้องเกิดความพะว้าพะวง จากนี้ไปจึงเหลือเพียงการที่ทุกดวงใจจะต้องมุ่งมั่นรวมเป็นหนึ่งเดียวเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศเสด็จสู่สวรรคาลัย