เป้าหมายมีไว้พุ่งชนโมนิก้าและทีมงาน

*จริงๆ “โมนิก้า” ไม่อยากเป็นคนดับอารมณ์ของนักลงทุนในแง่มุมต่างๆ เพราะต้องการให้ทุกคนได้เรียนรู้ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยด้วยตนเอง แต่เผอิญเห็นดัชนีทะยานขึ้นร้อนแรงในเวลาที่รวดเร็ว จนเกือบจะขึ้นมาชนแนวต้านเดิมที่เคยขึ้นมาก่อนหน้านี้ จึงต้องออกโรงเตือนสติเหล่านักเล่นหุ้นสักนิดหนึ่งว่า อย่าได้เผลอใจไปกับภาพดังกล่าวมากเกินไปนะจ๊ะ


*จริงๆ “โมนิก้า” ไม่อยากเป็นคนดับอารมณ์ของนักลงทุนในแง่มุมต่างๆ เพราะต้องการให้ทุกคนได้เรียนรู้ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยด้วยตนเอง แต่เผอิญเห็นดัชนีทะยานขึ้นร้อนแรงในเวลาที่รวดเร็ว จนเกือบจะขึ้นมาชนแนวต้านเดิมที่เคยขึ้นมาก่อนหน้านี้ จึงต้องออกโรงเตือนสติเหล่านักเล่นหุ้นสักนิดหนึ่งว่า อย่าได้เผลอใจไปกับภาพดังกล่าวมากเกินไปนะจ๊ะ

*เนื่องจากมันถึงเวลาที่ทุกคนต้องกลับมาเซ็ทเกมกันใหม่ เพราะหุ้นหลายตัวถูกคอนโทรลด้วยกองทุนตัวแสบแบบเบ็ดเสร็จ ส่งผลให้การแกว่งตัว “ขึ้นแรง ลงแรง” เป็นการเคลื่อนตัวที่ผิดแผกจากธรรมชาติ “โมนิก้า” ถึงพยายามกระตุกเตือนทุกครั้งว่า การลงทุนของผู้เล่นแต่ละคนเที่ยวนี้ วางเป้าหมายเป็นแบบไหน? ระหว่างลงทุนสั้นๆ ลงทุนระยะกลาง หรือ ลงทุนระยะยาวเจ้าค่ะ

*โดยเป้าหมายของการลงทุนที่พูดถึงในเที่ยวนี้ต้องชัดเจนยิ่งกว่าครั้งก่อนๆ เพราะครั้งนี้มีตัวแปรเรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ยเข้ามาเกี่ยวข้องเต็มๆ ซึ่งอาจเป็นตัวเร่งที่ทำให้ฝรั่งตาน้ำข้าวเทขายหุ้นออกมาอีกระลอก “โมนิก้า” ถึงมองการลงทุนในเที่ยวนี้ยังต้องไปกันทีละช็อตเหมือนกับที่เคยเม้าท์ให้ฟังก่อนหน้านี้ และอีกหนึ่งประเด็นก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกนะคะ

*ฉะนั้นการที่ดัชนีทะยานขึ้นมาปิดที่ 1,477.61 จุด บวกไป 64.79 จุด ด้วยมูลค่า 1.05 แสนล้านบาท  ย่อมเป็นตัวเร่งที่ทำให้นักเล่นมีความกระตือรือร้นมากขึ้น เพราะดัชนีเคลื่อนไหวค่อนข้างเร็วกว่าปกติ เคาะขวาพร้อมจะเปลี่ยนเป็นเคาะซ้ายได้ทุกเมื่อ และเคาะซ้ายก็พร้อมจะเปลี่ยนเป็นเคาะขวาได้เช่นกัน “โมนิก้า” ถึงพยายามให้นักเล่นแยกหุ้นแต่ละประเภทให้ชัดเจนไงล่ะค่ะ

*ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับการทะยานกลับมายืนอยู่ที่เดิมของหุ้น AOT มันเป็นผลมาจากปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างแข็งแกร่ง หุ้นถึงไต่ระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว จากก่อนหน้านี้เคยลงไปถึงยืนอยู่ที่ 300 บาท ล่าสุดใช้เวลาแค่ 3 วันกลับขึ้นมายืนอยู่ที่ 394 บาท บวกไป 32 บาท หรือขึ้นไป 8.80% ด้วยมูลค่า 6 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจุดที่นักเล่นต้องประเมินอีกครั้ง หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาเคลื่อนไหวในกรอบเดิมบริเวณ 390-420 บาทน่ะสิ

*เช่นเดียวกับในรายของ BCPG กระชากขึ้นมาปิดที่ 13.90 บาท บวกไป 1.40 บาท หรือขึ้นไป 11.20 บาท ด้วยมูลค่า 3.76 พันล้านบาท ก็เป็นอีกหนึ่งมูฟเม้นท์ของเหล่าผู้กล้า เพราะของมันเห็นกันอย่างชัดเจนว่า หุ้นตัวนี้อยู่ภายใต้การคอนโทรลของกองทุนตัวแสบ หากยังมีแรงซื้อเข้ามาเป็นระยะ น่าจะได้เห็นการยกตัวสูงขึ้น ถ้าไม่ใช่อย่างที่ว่า ก็ต้องรีบชิ่งทันทีค่ะ

*ส่วนคนที่รักการโลดโผนเป็นชีวิตจิตใจ “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ไปดู BWG เพื่อเสนอเป็นทางเลือกให้กับนักเล่นสักหน่อย หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.04 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 14% ด้วยมูลค่า 915 ล้านบาท ซึ่งได้ยินพวกจิ้งจกร้องทักกันระงมว่า เงินก้อนใหม่กำลังเข้ามา หุ้นมีโอกาสทะยานไปต่อ ส่วนจะจริงเท็จขนาดไหน? อยากให้เหล่านักเล่นไปดูกันเอาเองนะคะ

*ส่วนรายที่ไม่ต้องดู แต่ต้องเคาะขวาให้รวดเร็ว “โมนิก้า” ขอเบนเข็มไปที่ EA เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า แวลูของหุ้นตัวนี้ค่อนข้างเริ่ดสะแมนแตน บวกกับราคาหุ้นที่วนเวียนแถว 28 บาทอยู่พักใหญ่ๆ สุดท้ายอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 23 บาท ล่าสุดวิ่งขึ้นมายืนอยู่ที่  25.75 บาท บวกไป 1.85 บาท หรือขึ้นไป 7.70% ด้วยมูลค่า 130 ล้านบาท มันช่างเหมาะสำหรับพวกแมงเม่าอย่างพวกท่านจริงๆ เจ้าค่ะ

*อีกหนึ่งตัวที่เป็นกิมมิคของการลงทุนเที่ยวนี้ “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่ AUCT หลังราคาหุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่8.35 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 9.10% ด้วยมูลค่า 140 ล้านบาท เดี๊ยนถือเป็นแพทเทิร์นที่น่าตามไปดูสั้นๆ เหตุผลและคำอธิบายไม่ต้องมีมากนัก เพราะของมันก็เห็นกันอยู่แล้วว่า นี่เป็นคนที่จัดประมูลสินค้าเจ้าใหญ่ของประเทศ ตัวเลขรายได้และกำไรน่าจะออกมาดีไงล่ะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ EKH หุ้นโรงพยาบาลดาวรุ่งพุ่งแรง ซึ่งกำลังเป็นที่กล่าวขวัญในหมู่ของนักลงทุน หลังแผนธุรกิจต่างๆ มีความคืบหน้าไปมาก อีกทั้งไตรมาส 3 เป็นช่วงของไฮซีซั่น “โมนิก้า” ถึงต้องรีบชำเลืองตามองโดยเร็ว เพราะมันเห็นกันอยู่แล้วว่า กำไรนิวไฮ! อย่างแน่นอน…หากนับรวมเงินเพิ่มทุนที่นำไปก่อสร้างส่วนต่อขยาย เพื่อต่อยอดรายได้ในอนาคตอีกหนึ่งชุด ยอดเดิมที่บริเวณ 7.55 บาท น่าจะเป็นบันไดขั้นแรกที่หุ้นขึ้นไปสร้างฐาน และการที่หุ้นเพิ่งเด้งขึ้นมาปิด 5.90 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 13% ด้วยมูลค่า 140 ล้านบาท จึงเหลือแก๊ปให้เล่นอีกเพียบนะคะ

*ก่อนจากกัน “โมนิก้า” ขอพูดถึงการกลับเข้ามาซื้อสุทธิของกองทุนตัวแสบ 1.35 หมื่นล้านบาท ตามติดมาด้วยปอบผีฟ้าเข้าเก็บไปอีก 1.30 พันล้านบาท ขณะที่แมงเม่าสาดหุ้นออกมา 1.22 หมื่นล้านบาท บวกกับฝรั่งตาน้ำข้าวทิ้งออกมา 2.57 พันล้านบาท มันเป็นภาพที่สะเทือนใจพวกเราๆ ท่านๆ อย่างแน่นอน เพราะเรื่องทั้งหมดมันฟ้องให้เห็นว่า ใครเป็นคนทำให้บรรยากาศแย่ลงเจ้าค่ะ

*ที่สำคัญคือ ท่าทีแข็งขันในการลากคอพวกอีแอบมาหวดก้นที่หลายฝ่ายประโคมกันครึกโครม สุดท้ายก็กลายเป็นการโบ้ยกันไปมาของพวกกองทุน พร้อมกับอธิบายเหตุผลของสิ่งที่เกิดขึ้นเยอะแยะไปหมดนั้น บรรดาแมงเม่าเขาฝากถามว่า ทำไมไม่เปิดชื่อกองทุนที่ขายหนักๆ เพราะหลายคนกำลังอยากรู้จักหน้าค่าตา เพื่อจะได้ระวังเนื้อระวังตัวตั้งแต่เนิ่นๆ แต่เชื่อขนมกินได้เลยว่า จับมือใครดมไม่ได้หรอก

Back to top button